ความสามารถในการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษแบบแนะและแบบอิสระโดยใช้วิธีตรวจงานเขียนด้วยวิธีชี้แนะโดยตรง และวิธีชี้แนะทางอ้อม

Main Article Content

วันทนี แสงคล้ายเจริญ

บทคัดย่อ

การพัฒนาความสามารถในการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ จำต้องอาศัยวิธีการป้อนข้อมูลกลับที่มีเป็นประสิทธิภาพนั่นคือ การใช้วิธีชี้แนะโดยตรงและวิธีชี้แนะทางอ้อม การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนเรียงความแบบ แนะและแบบอิสระของนักศึกษาก่อนและหลังจากใช้วิธีตรวจงานเขียนด้วยวิธีชี้แนะ โดยตรง และวิธีชี้แนะทางอ้อม เปรียบเทียบความสามารถในการเขียนเรียงความแบบแนะของนักศึกษาที่ได้รับการ ตรวจงานด้วยวิธีชี้แนะโดยตรงและวิธีชี้แนะทางอ้อม และเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนเรียงความแบบอิสระของนักศึกษาที่ได้รับ การตรวจงานด้วยวิธีชี้แนะโดยตรงและวิธีชี้แนะทางอ้อมตัวอย่างประชากรคือ นักศึกษาเอกภาษาอังกฤษชั้นปีที่ 2 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช่ในการวิจัยคือ เรียงความแบบแนะ 4 หัวข้อ และเรียงความแบบอิสระ 4 หัวข้อ ผลการวิจัยพบว่า เมื่อเปรียบเทียบความสามารถแบบแนะและแบบอิสระของนักศึกษาก่อนและหลังจากใช้ วิธีตรวจงานเขียนด้วยวิธีชี้แนะโดยตรง และวิธีชี้แนะทางอ้อม คะแนนเฉลี่ยของงานเขียนเรียงความทั้งสองประเภทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .01 เมื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนเรียงความแบบแนะของนักศึกษาก่อนและ หลังจากใช้วิธีตรวจงานเขียนด้วยวิธีชี้แนะโดยตรง และชี้แนะทางอ้อมพบว่าคะแนนผลต่างเฉลี่ยของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนเรียงความแบบอิสระ พบว่าคะแนนผลต่างเฉลี่ยของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน สรุปได้ว่า คะแนนความสามารถในการเขียนเรียงความทั้งสองแบบนักศึกษาสูงขึ้นไม่ว่าจะใช้ วิธีชี้แนะทางตรงหรือวิธีชี้แนะทางอ้อมผู้สอนจึงควรประเมินผลงานเขียนใน ครั้งที่สองเพื่อเป็นการฝึกนักศึกษาแก้ไขข้อบกพร่องด้วยตนเองโดยประยุกต์ใช้ วิธีการตรวจงานเขียนทั้งสองแบบแนะตามความยากง่ายของลักษณะความผิดพลาดที่ เกิดขึ้น ส่วนเขียนความเรียนแบบอิสระควรมีการให้ข้อมูลป้อนกลับด้านเนื้อหานอกเหนือ จากการใช้วิธีชี้แนะโดยตรงและชี้แนะทางอ้อม

Article Details

บท
บทความวิจัย