แนวทางการบริหารจัดการต่อการเสริมสร้างแรงจูงใจในการศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา ของนักเรียนมัธยมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) ศึกษาปัจจัยการบริหารจัดการต่อการเสริมสร้างแรงจูงใจในการศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา (๒) การเสริมสร้างแรงจูงใจในการศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา (๓) นำเสนอแนวทางการบริหารจัดการต่อการเสริมสร้างแรงจูงใจในการศึกษาต่อสายอาชีวศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามจำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ฉบับที่ ๑ สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา มีค่าความเชื่อมั่น ๐.๙๔ และฉบับที่ ๒ สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ มีค่าความเชื่อมั่น ๐.๙๒ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า (๑) ปัจจัยการบริหารจัดการต่อการเสริมสร้างแรงจูงใจในการศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา ของนักเรียนมัธยมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = ๔.๒๗) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ด้านบริบทของสถานศึกษา (
= ๔.๔๒) รองลงมาคือ ด้านการสื่อสาร (
= ๔.๓๐) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ ด้านเงินทุนสนับสนุน (
= ๔.๐๙) (๒) การเสริมสร้างแรงจูงใจในการศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา ของนักเรียนมัธยมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยรวมอยู่ในระดับมาก (
= ๓.๗๘) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ด้านเหตุผลส่วนตัว (
= ๓.๙๘) รองลงมาคือ ด้านการประกอบอาชีพ (
= ๓.๙๖) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือด้านตัวบุคคล (
= ๓.๕๓) (๓) แนวทางการบริหารจัดการต่อการเสริมสร้างแรงจูงใจในการศึกษาต่อ สายอาชีวศึกษา ของนักเรียนมัธยมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยรวมมีค่าเฉลี่ย (
= ๔.๔๔) เมื่อพิจารณา พบว่า ด้านบริบทของสถานศึกษา ผู้บริหารควรมีการกำหนดอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของสถานศึกษาอย่างชัดเจน ด้านแรงจูงใจ ผู้บริหารควรมีการส่งเสริมให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศที่ทันสมัยเพื่อใช้ในการเรียนรู้ ด้านการสื่อสาร ผู้บริหารควรมีการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดครูและบุคลากร ให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับงานแนะแนวของสถานศึกษา ด้านความถนัดและความสนใจ ผู้บริหารควรมีการกำหนดแนวทางการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน และด้านเงินทุนสนับสนุน ผู้บริหารควรมีการส่งเสริมและสนับสนุนให้งานแนะแนวดำเนินการ ในการจัดระดมทุนจากครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเป็นทุนการศึกษามอบให้แก่นักเรียนในกิจกรรมวันสำคัญ เช่น งานพิธีวันไหว้ครู
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ครุสภาลาดพร้าว, ๒๕๕๑.
กระทรวงศึกษาธิการ. แผนพัฒนาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔. กรุงเทพมหานคร : สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์, ๒๕๖๒.
คัณฑสรวง กริ่งทอง. “แรงจูงใจของนักศึกษาในการศึกษาต่อระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ของวิทยาลัยชุมชนจังหวัดพิจิตร”. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, ๒๕๖๑.
เมธาวี สุขปาน. “ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ของนักเรียน กรณีศึกษาวิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี”. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, ๒๕๕๖.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. แนวโน้มความต้องการแรงงานของตลาดแรงงานในประเทศและตลาดแรงงานในต่างประเทศ ในช่วงระหว่างปี (พ.ศ. ๒๕๖๐–๒๕๖๔). กรุงเทพมหานคร : สำนักงานสถิติแห่งชาติ, ๒๕๖๐.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. อนาคตของการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาตามความต้องการของตลาดแรงงานและทิศทางการพัฒนาประเทศไทย ๕ ปีข้างหน้า (ปี พ.ศ. ๒๕๖๑–๒๕๖๕). กรุงเทพมหานคร : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, ๒๕๖๑.
อามรรัตน์ เหลืองอร่าม. “แรงจูงใจในการเลือกศึกษาต่อระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ในวิทยาลัยเทคโนโลยีเมืองชลบุรีบริหารธุรกิจ”. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยบูรพา, ๒๕๕๗.