การพัฒนาความสามารถในการอ่านคำที่มีตัวสะกดตรงตามมาตราด้วยการสอนอ่านแบบพหุสัมผัสตามวิธีของ Orton-Gillingham: กรณีศึกษานักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านคำที่มีตัวสะกดตรงตามมาตราของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้วยการสอนอ่านแบบพหุสัมผัสตามวิธีของ Orton-Gillingham กลุ่มเป้าหมายในการศึกษาคือ นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน ๓ คน เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย (๑) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (๒) แบบทดสอบการอ่านคำ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาร้อยละ
ผลการวิจัยพบว่า หลังการสอนด้วยการอ่านแบบพหุสัมผัสตามวิธีของ Orton-Gillingham นักเรียนทั้งสามคนมีความสามารถในการอ่านหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ในภาพรวมความสามารถในการอ่านของนักเรียนทั้งสามคนมีร้อยละของความก้าวหน้าเท่ากับ ๔๕.๐๐ โดยจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อสอนอ่านคำศัพท์แบบพหุสัมผัสตามวิธีของ Orton-Gillingham ที่ผู้วิจัยออกแบบเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้คำศัพท์และฝึกอ่านคำศัพท์ผ่านกิจกรรมที่ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในลักษณะเรียนปนเล่นจนสามารถจดจำคำศัพท์และอ่านคำศัพท์ได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล. “การเรียนรู้ผ่านพหุประสาทสัมผัส”. สารานุกรมศึกษาศาสตร์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพมหานคร: บริษัท สำนักพิมพ์ พ.ศ.พัฒนา จํากัด, ๒๕๕๘.
ผดุง อารยะวิญญู. การศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ. กรุงเทพมหานคร: แว่นแก้ว, ๒๕๔๔.
วิไลวรรณ จันทร์น้ำใสและวิภาวรรณ วงษ์สุวรรณ์ คงเผ่า. “การพัฒนาโปรแกรมซ่อมเสริมการอ่านภาษาไทยตามแนวคิดออร์ตัน-กิลลิงแฮม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีปัญหาทางการอ่าน”. วารสารชุมชนวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๓ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๔): ๒๔๑-๒๕๓.
ศันสนีย์ ฉัตรคุปต์. ความบกพร่องในการเรียนรู้หรือแอลดี: ปัญหาการเรียนรู้ที่แก้ไขได้.กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการการศึกษาแห่งชาติ, ๒๕๔๔.
สอนประจันทร์ เสียงเย็น. “ผลของการใช้การเสริมแรงทางบวกเพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านดอนอุดม (เนยอุปถัมภ์)”. วารสารมจรบาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์. ปีที่ ๗ ฉบับ ๓ (กันยายน – ธันวาคม ๒๕๖๔) : ๑๕-๒๖.
สุไปรมา ลีลามณี. “ศึกษาความสามารถในการอ่านคำและแรงจูงใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ที่มีปัญหาการเรียนรู้ด้านการอ่านจากการสอนโดยผสมผสานวิธีโฟนิกซ์ (Phonics) กับวิธีพหุสัมผัส (Multi-Sensory Approach)”. ปริญญานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๓.
John Dewey, Philosophy Education and Reflective Thinking. In Thomas O. Buford Toward a Philosophy of Education, 1969.
Ntousas A. “Orton-Gillingham Approach Special Education Teachers’ Experiences with Dyslexia in US Students”. Master’s Thesis Master of Philosophy in Special Needs Education. University of Oslo, 2019.
สถาบันราชานุกูล. กลุ่มบกพร่องทางการเรียนรู้ (SPECIFIC LEARNING DISORDER). [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://th.rajanukul.go.th/academic/academics-data/mdg/1/271 [28 เมษายน ๒๕๖๖].
Lim L., Oei A. C. (Reading and spelling gains following one year of Orton- Gillingham intervention in Singaporean students with dyslexia). British Journal of Special Education,Vol.42No.4(2015):374–389.[Online].
Available: https://doi.org/10.1111/1467-8578.12104 [28 April 2023].
Ring J. Avrit K. Black J. Ring J. J.. Avrit K. J. Black J. L. Take Flight: The evolution of an Orton Gillingham-based curriculum. Annals of Dyslexia. Vol. 67 No.3 [2017], 383–400. [Online]. Available: https://doi.org/10.1007/s11881-017-0151-9 [28 April 2023].
Stevens E. A. and et al. Current State of the Evidence: Examining the Effects of Orton-Gillingham Reading Interventions for Students With or at Risk for Word-Level Reading Disabilities. [Online]. Available: https://doi.org/10.1177/0014402921993406 [2021].