ศึกษาวิธีระงับความโกรธตามหลักคัมภีร์วิสุทธิมรรค
Main Article Content
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์เล่มนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ ได้แก่ ๑) เพื่อศึกษาความโกรธตามที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนา ๒) เพื่อศึกษาความโกรธและวิธีระงับความโกรธตามแนวคัมภีร์วิสุทธิมรรค (๓) เพื่อวิเคราะห์วิธีระงับความโกรธตามแนวคัมภีร์วิสุทธิมรรค เป็นการวิจัยคุณภาพ( Documentary Research) โดยการวิจัยทางด้านเอกสารศึกษาจากคัมภีร์พระพุทธศาสนา
ผลการวิจัยแนวคิดเกี่ยวกับความโกรธที่ปรากฎในคัมภีร์ว่าโดยสภาวะ คือ โทสะ ว่าด้วยความประทุษร้าย ความไม่พอใจ ความแค้นเคือง เมื่อประสบกับอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าพอใจ อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นต้น เมื่อนั้นความโกรธย่อม ความไม่พอใจย่อมเกิดขึ้นแล้วย่อมแผดเผาจิตใจให้เร่าร้อนจนเป็นเหตุให้กระทำบาปอกุศลมีประการต่าง ๆ ทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ อันมีผลกระทบต่อ ตนเอง ผู้อื่นและสังคมให้เดือดร้อน เพราะการกระทำบาปอกุศลเหล่านั้น ซึ่งสาเหตุของความโกรธนั้นมี ๙ ประการ คือ การผูกอาฆาตว่า ผู้นี้ได้ทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่เรา เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมทำให้จิตเป็นบาปเป็นอกุศลหากมีกำลังมากขึ้นก็กลายเป็นการจองเวร ผูกอาฆาต พยาบาท ในที่สุด
ความโกรธตามแนวคัมภีร์วิสุทธิมรรค ให้ความหมายความโกรธ ลักษณะ สาเหตุที่ต้องศึกษาความโกรธไว้ดังนี้ คือ (๑) ความหมายของความโกรธ ( ๒) ลักษณะของความโกรธ ( ๓) สาเหตุของความโกรธ (๔) วิธีระงับความโกรธ ให้เกิดความเข้าใจ ฉะนั้น การระงับความโกรธนั้นอาศัยวิธีระงับตามหลักคัมภีร์วิสุทธิมรรค ๑๐ ประการ คือ วิธีกำจัดความโกรธด้วยการเข้าเมตตาฌาน การพิจารณาพุทธโอวาท การมองโลกในแง่ดี การสั่งสอนตัวเอง การพิจารณากรรมของตนและผู้อื่น การพิจารณาพุทธจริยาในปางก่อน การพิจารณาความสัมพันธ์ในสังสารวัฏ การพิจารณาอานิสงส์ของเมตตา การพิจารณาแยกธาตุ การให้ปันสิ่งของ โดยเลือกพิจารณาวิธีระงับไปตามลำดับ จนกว่าความโกรธจะทุเลาเบาบาง
ดังนั้นวิธีระงับความโกรธทั้ง ๑๐ ประการ ตามหลักคัมภีร์วิสุทธิมรรค ๑๐ ประการ สามารถนำมาวิเคราะห์กับวิธีการละกิเลส ๓ ประการ ได้ดังนี้ คือ วิธีกำจัดความโกรธด้วยการเข้าเมตตาฌาน จัด เป็น วิกขัมภนปหาน การละด้วยการข่มไว้ ส่วน วิธีที่เหลือ คือ การพิจารณาพุทธโอวาท การมองโลกในแง่ดี การสั่งสอนตัวเอง การพิจารณากรรมของตนและผู้อื่น การพิจารณาพุทธจริยาในปางก่อน การพิจารณาความสัมพันธ์ในสังสารวัฏ การพิจารณาอานิสงส์ของเมตตา การพิจารณาแยกธาตุ การให้ปันสิ่งของ จัดเป็น ตทังคปหาน การละเป็นขณะ ๆ ตามองค์นั้น ๆ โดยเลือกพิจารณาวิธีระงับไปตามลำดับ ส่วน สมุจเฉทปหาน การละอย่างเด็ดขาด นั้น ผู้ปฏิบัติต้องปฏิบัติสมถกรรมฐานจนได้ฌานแล้วเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนบรรลุอนาคามีมรรคจิตจึงจะสามารถละปฏิฆานุสัยได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
พระธรรมปาลเถระ,ปรมัตถมัญชุสา วิสุทธิมรรคมหาฎีกา,(บาลี-ไทย) ภาค ๓ ฉบับภูมิพโลภิกขุ (กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ),
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์ครั้งที่ ๓๖, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ผลิธัมม์ ในเครือบริษัท สำนักพิมพ์เพ็ทแอนด์โฮม จำกัด,๒๕๔๙),
พระพุทธโฆสเถระ,วิสุทธิมรรค,(บาลี-ไทย) ภาค ๓ ฉบับภูมิพโลภิกขุ (กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ),
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙.
อรรถกถา ภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๓.