การประยุกต์หลักอิทธิบาทธรรมเพื่อการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรธุรกิจรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ในภาคเหนือตอนบน

บทคัดย่อ

วิจัยนี้มีวัตถุประสงเพื่อ 1) ศึกษาระดับสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรธุรกิจรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ในภาคเหนือตอนบน 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระว่างหลักอิทธิบาทธรรม กับสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรธุรกิจรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ในภาคเหนือตอนบน 3. นำเสนอการประยุกต์หลักอิทธิบาทธรรม เพื่อการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรธุรกิจรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ในภาคเหนือตอนบน วิจัยแบบแบบผสานวิธี เชิงปริมาณ ประชากรได้แก่ บุคลากรของบุคลากรธุรกิจรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ในภาคเหนือตอนบน จำนวน 154 คน โดยใช้สูตรTaro Yamane เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความเชื่อมั่นอยู่ที่ 0.97  สถิติวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในการทดสอบสมมติฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน เชิงวิจัยคุณภาพ เป็นการสัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 12 รูป/คน เครื่องมือวิจัย ได้การสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ โดยใช้เทคนิค การวิเคราะห์เนื้อหา ประกอบบริบท

          ผลการวิจัยพบว่า

1) ระดับสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรธุรกิจรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ในภาคเหนือตอนบน โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากสุด

2) ความสัมพันธ์ระว่างหลักอิทธิบาทธรรม กับสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรธุรกิจรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ในภาคเหนือตอนบน โดยรวม มีความสัมพันธ์เชิงบวก อยู่ในระดับค่อนข้างสูง

3) การประยุกต์หลักอิทธิบาทธรรม เพื่อการพัฒนาสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรธุรกิจรักษาความปลอดภัยภาคเอกชน ในภาคเหนือตอนบน พบว่า ด้านฉันทะ เกิดจากการสร้างแรงจูงใจและวัฒนธรรมองค์กรที่มีคุณค่า ด้านวิริยะ ควรมุ่งเน้นการฝึกฝนวินัย ทักษะทางกายภาพ ด้านจิตตะ ควรใช้เทคโนโลยีในการเฝ้าระวังและระบบตรวจสอบ ด้านวิมังสา ควรมุ่งพัฒนาทักษะการตัดสินใจควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี