พฤติกรรมและความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อคุณภาพการให้บริการ ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างต่อปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการของธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยใช้การวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรในการวิจัย คือ นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาใช้บริการธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยนี้คือ นักท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์ในการใช้บริการธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กลุ่มละ 200 คน การเลือกตัวอย่างในครั้งนี้ใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามพฤติกรรมและความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อคุณภาพการให้บริการธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.36,S.D. = 0.57) ปัจจัยที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) บรรยากาศและสุนทรียภาพ 2) สิ่งอำนวยความสะดวก และ 3) ความปลอดภัยและบุคลากร ซึ่งมีระดับความคิดเห็นเท่ากัน ผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของพฤติกรรมและความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อคุณภาพการให้บริการของธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างเป็นระบบเพื่อความยั่งยืนและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยประกอบด้วย
การกำหนดมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเอกภาพทั่วทั้งจังหวัด การตรวจสอบคุณภาพด้านสุขอนามัยอย่างเป็นระบบ และการบูรณาการธุรกิจนวดเข้ากับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวของพื้นที่ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมด้านภาษาและทักษะการให้บริการที่ทันสมัย ตลอดจนการศึกษาต่อเนื่องเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรม อีกทั้งควรเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ การสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจผ่านบริการเสริม เพื่อยกระดับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว อันจะนำไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการให้บริการของธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Charoonsit, M. (2022). The opinions of Thai tourists regarding the community surrounding the Talat Noi community in Bangkok in terms
of environmental aspects. (Master’s thesis). Dhurakij Pundit University, Faculty of Tourism and Hospitality. Bangkok.
Chiang Rai Provincial Integrated Administration Committee. (2022). Chiang Rai provincial development plan (2023–2027). Chiang Rai
Provincial Office.
Cochran, W. G. (1953). Sampling techniques (2nd ed.). New York: John Wiley & Sons.
Department of Business Development. (2009). The expansion of spa and health massage businesses in Thailand. Bangkok: Department
of Business Development.
Department of Business Development.(2018).Guide to developing health massage businesses to meet quality management standards.
Bangkok: Department of Business Development.
Department of Thai Traditional and Alternative Medicine.(2021).Evaluation criteria for wellness centers: Health massage category.
Bangkok: Department of Thai Traditional and Alternative Medicine.
Global Wellness Institute. (2018).Global wellness economy monitor. Global Wellness Institute.
Jaikaew, P., & Phichayakul, P. (2024). Behavior of Thai tourists towards using spa services in Chiang Mai Province. Chiang Mai University
Journal of Business Administration, 10(3), 74–81.
Janchaai, N. (2020). Tourists’ Confidence towards Healthcare Service Quality. (Master’s thesis). Suranaree University of Technology,
Department of Management Technology, School of Social Technology.
Jitthangwatthana, B. (2005). Tourism industry (1st ed.). Bangkok: Press and Design.
Klanphakdee, P. (2017). Standard Factors of Thai Spa Quality Award Influencing Satisfaction on Using Service towards Foreign Tourists.
(Master’s thesis). Dhurakij Pundit University, Faculty of Tourism and Hospitality. Bangkok.
Leelawattanapan, N. (2016). Wellness tourism. Tourism Economic Report, 3(1), January–March. Retrieved February 20, 2019, from
http://www.mots.go.th/ewt_dl_link.php?nid=7622
Likert, R. (1932). A technique for the measurement of attitudes. Archives of Psychology, 22(140), 1-55.
Ministry of Tourism and Sports. (2019). Thailand's tourism strategic plan (2019–2022). Bangkok: Office of the Permanent Secretary,
Ministry of Tourism and Sports.
Phromhitathorn, S. (2018). Factors affecting customer satisfaction with day spas in the Bangkok metropolitan area. (Independent study,
Master of Business Administration, Faculty of Commerce and Accountancy, Thammasat University).
Sriunlee, U., & Yisuntes, W. (2018). Marketing mix factors affecting the use of spa services in the Bangkok Column Hotel, Bangkok.
Santapol College Academic Journal, 5(2), 33-48.
Thai Industrial Standards Institute. (2018). Manual of industrial standards for massage and spa services. Bangkok: Thai Industrial
Standards Institute.
Tirakanan, S. (2014). Educational research: Approaches and methods (p.148). Bangkok: Office of the Basic Education Commission.
Tourism Authority of Thailand. (2020). Promotion of health tourism in Thailand. Bangkok: Tourism Authority of Thailand Office.
Udsaya, N., & Yonthasart, S. (2022). A study on The Potential Study of Lanna Spa Services in Thai Sapaya Style to Promote Healthy
Tourism in Chiang Rai Province. Academic and Research Journal, Northeastern University, 12(3), 227-240.
Wongsoona, Y.(2024).Effectiveness of Developing Standards for Health Establishment Massage and Spa in Khon Kaen province.Journal
of Health Innovation and Development Research, 5(3), 83-97.
