การรับรู้กฎหมายและการใช้ประโยชน์ที่ดินของประชาชนใน พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา – แม่แสะ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาได้แก่ 1) เพื่อศึกษาสภาพเศรษฐกิจ สังคมและข้อมูลทั่วไปของประชาชน 2) เพื่อศึกษาการรับรู้กฎหมายป่าไม้้ของประชาชน และ 3) เพื่อศึกษาการรับรู้กฎหมายป่าไม้้ของประชาชนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา – แม่แสะ มาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จำแนกตามสภาพเศรษฐกิจ สังคมและข้อมูลทั่วไปของประชาชน 4) เพื่อศึกษาการใช้ประโยชน์ที่ดินของประชาชนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา – แม่แสะ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ประชาชนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา – แม่แสะ จำนวน 328 ราย เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสอบถามทำการวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t-test และสถิติ One Way ANOVA
ผลการศึกษาพบว่า 1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อยู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเพศชาย อายุ 41 – 50 ปี สถานภาพสมรส จบประถมศึกษา อาชีพรับจ้างทั่วไป อาชีพรายได้รองส่วนใหญ่อาชีพทำไร่/ทำสวน มีรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาท อยู่อาศัยมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ถือครองพื้นที่น้อยกว่า 5 ไร่ ใช้ทำสวนผลไม้/สมุนไพร ด้านเข้าร่วมกิจกรรมของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ ส่วนใหญ่ไม่เคยคิดเป็น 2) ช่องทางการรับข่าวสารเกี่ยวกับกฎหมายป่าไม้ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง 3) การรับรู้กฎหมายป่าไม้ของประชาชนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ ในด้านปัจจัยด้านอายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือน จำนวนเนื้อที่ที่ ครอบครอง ลักษณะการทำประโยชน์ในพื้นที่ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่แตกต่างกันไม่ส่งผลให้มีระดับการรับรู้กฎหมายป่าไม้ที่แตกต่างกัน และพบว่าช่องทางการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับระเบียบกฎหมายไม่มีความสัมพันธ์กับระดับการรับรู้กฎหมายป่าไม้ของประชาชนที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.05 4) พื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา–แม่แสะถูกใช้เพื่อการเกษตร โดยเฉพาะการทำนา รองลงมาคือสวนผลไม้และไร่หมุนเวียน ขณะที่พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้างมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Boonchitradul, N. (1986). Principles of educational administration. Bangkok. (In Thai).
Department of Lands. (2008). Public land. [Online]. Retrieved August 1, 2024, from http://www.dol.go.th/dol/index.php
Khunwong, K. (2017). Land use planning in land reform areas of Koh Phayam, Mueang Ranong District, Ranong Province under the
concept of community-based tourism management. (Master’s thesis). Thammasat University. Bangkok.
MKC Legal Office. (2021). Recognition law. Retrieved August 1, 2024, from https://www.mkclegal.com/
Pinnoy, A. (2022). The influence of destination image on repeat visit intention: A hierarchical multiple regression analysis from the
perspective of eco-tourists in Northern Thailand’s national parks. (Master’s thesis). Faculty of Management Science, Lampang
Rajabhat University. Lampang.
Puthong, D. (2018). Community forest management for sustainability through participatory processes and local traditions in Northern
Thailand. Journal of Administrative and Management, 6(2), 80–94.
Saengsanit, S. (2019). Diversity of agricultural systems and natural resource management in highland communities: A case study of
Pang Mapha District, Mae Hong Son Province. (Research report). Chiang Rai: Mae Fah Luang University.
Vichaidit, N. (2017). Land use of communities around watershed forests: A case study of Mae Chaem District, Chiang Mai Province.
(Research report). Chiang Mai: Maejo University.
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. 2rd ed. New York: Harper. And Row.
Yondan, M. (2019). Khao Yai: Land use changes and capital groups. Ubon Ratchathani Journal of Humanities and Social Sciences, 10(1),
–59.