การศึกษาถ้อยคำ ช่างมัน ตามแนววัจนปฏิบัติศาสตร์ชาติพันธุ์
Main Article Content
บทคัดย่อ
ช่างมัน เป็นถ้อยคำที่คนไทยนิยมใช้จนติดปาก ปรากฏในหลายสถานการณ์เพื่อสื่อความหมายและเจตนาที่แตกต่างกัน และน่าจะสะท้อนวิธีการมองโลกบางประการของคนไทย บทความวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความหมายตามปริบทและหน้าที่ทางวัจนปฏิบัติศาสตร์ของ ช่างมัน รวมทั้งวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ ช่างมัน กับปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม โดยใช้แนวทางวัจนปฏิบัติศาสตร์ชาติพันธุ์ (ethnopragmatics) ข้อมูลทั้งสิ้น 161 ตัวอย่างมาจากบทสนทนาในชีวิตประจำวัน บทสนทนาในสื่อ แบบสอบถาม และการสัมภาษณ์เชิงลึก ผลการวิจัยพบว่า ช่างมัน มีความหมายตามปริบท 6 ความหมาย ได้แก่ 1) ผู้พูดให้ผู้ฟังและ/หรือตนเองปล่อยวาง 2) ผู้พูดให้อภัยผู้ฟัง 3) ผู้พูดต้องการปล่อยเรื่องนั้นไป 4) ผู้พูดปล่อยไป เนื่องจากไม่สามารถทำอะไรได้ แม้จะไม่พอใจเรื่องนั้น 5) ผู้พูดไม่สนใจสิ่งนั้น 6) ผู้พูดยังไม่อยากคิดหรือทำเรื่องที่เอ่ยถึงในขณะนั้น และมีหน้าที่ทางวัจนปฏิบัติศาสตร์ 6 หน้าที่ ได้แก่ 1) เพื่อปลอบให้ผู้ฟังและ/หรือตนเองคลายกังวล 2) เพื่อตอบรับคำขอโทษ 3) เพื่อยุติการสนทนาที่มีความขัดแย้ง 4) เพื่อแสดงว่าผู้พูดไม่พอใจ 5) เพื่อแสดงว่าผู้พูดไม่สนใจ 6) เพื่อแสดงว่าผู้พูดต้องการเลื่อนหรือหยุดเรื่องนั้นไปก่อน ทั้งหมดมีจุดประสงค์หลัก คือ ต้องการปล่อยวางสิ่งที่ทำให้เกิดความกังวล ข้อมูลในงานวิจัยเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับ ช่างมัน คือความคิดทางพุทธศาสนาเรื่อง ปลง ซึ่งเกี่ยวกับการยอมรับและปล่อยวาง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
คลอสเนอร์, วิลเลียม เจ. (2537). สะท้อนวัฒนธรรมไทย เล่ม 1 (ขัตติยา กรรณสูต, ผู้แปล). กรุงเทพฯ: กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ.
ชาย โพธิสิตา. (2542). ไม่เป็นไร. ใน คำ: ร่องรอยความคิด ความเชื่อไทย (น. 329-336). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทรงธรรม อินทจักร. (2553). ความสุภาพ ความเกรงใจ และวัจนปฏิบัติศาสตร์ปลดพันธนาการ. วารสารภาษาและภาษาศาสตร์, 29(1), 17-42.
ทัศนีย์ เมฆถาวรวัฒนา. (2554). การวิเคราะห์ความหมายแบบครอบคลุมของคำสำคัญทางวัฒนธรรม “ไม่เป็นไร” “เกรงใจ” และ “ขอโทษ” ในภาษาไทยตามแนวทฤษฎีอภิภาษาเชิงอรรถศาสตร์ธรรมชาติ (วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาภาษาศาสตร์). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
พรรณธร ครุธเนตร. (2557). การศึกษากลวิธีทางภาษาที่ใช้ยุติการสนทนาที่มีความขัดแย้งในภาษาไทย (วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต สาขาภาษาไทย). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). (2547). ไตรลักษณ์: อนิจจา ทุกขตา อนัตตา. กรุงเทพฯ: ธรรมสภาและสถาบัน.
พระพรหมมังคลาจารย์ (ปั่น ปญฺญานนฺโท). (2555). เล่านิทานธรรม พระเดชพระคุณ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ. กรุงเทพฯ: ธรรมสภา.
พัทยา สายหู. (2542). ปลง. ใน คำ: ร่องรอยความคิด ความเชื่อไทย (น. 322-328). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วีณา วุฒิจำนงค์. (2559). หน้าที่ทางวัจนปฏิบัติศาสตร์ของคำว่า “โอเค” ในบทสนทนาภาษาไทย. วารสารการวิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 9(2), 115-127.
เสฐียรพงษ์ วรรณปก. (2549). สองอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่: หลวงพ่อพุทธทาส และ หลวงพ่อชา. กรุงเทพฯ: กองทุนอริยมรรค.
ภาษาต่างประเทศ
Goddard, C. (1996). The “social emotions” of Malay (Bahasa melayu). Ethos, 24(3), 426-464.
Goddard, C. (1997). Cultural values and ‘cultural scripts’ of Malay (Bahasa Melayu). Journal of Pragmatics, 27, 183-201.
Goddard, C. (2006). Ethnopragmatics: A new paradigm. In Ethnopragmatics: Understanding discourse in cultural context (pp. 1-30). Berlin: Mouton de Gruyter.
Goddard, C. (2015). Words as carriers of cultural meaning. In The Oxford handbook of the word (pp. 380-398). Oxford: Oxford University Press.
Goddard, C., & Wierzbicka, A. (2004). Cultural scripts: What are they and what are they good for? Intercultural Pragmatics, 1(2), 153-166.
Goddard, C., & Ye, Z. (2015). Ethnopragmatics. In The Routledge handbook of language and culture (pp. 66-83). London: Routledge.
Hanks, W. F., Ide, S., & Katagiri, Y. (2009). Towards an emancipatory pragmatics. Journal of Pragmatics, 41, 1-9.
Hofstede, G. (2011). Dimensionalizing cultures: The Hofstede model in context. Online Readings in Psychology and Culture, 2(1). https://doi.org/10.9707/2307-0919.1014
Komin, S. (1991). Psychology of the Thai people: Values and behavioral patterns. Bangkok: National Institute of Development Administration (NIDA).
Panpothong, N., & Phakdeephasook, S. (2014). The wide use of mai-pen-rai ‘It’s not substantial’ in Thai interactions and its relationship to the Buddhist concept of Tri Laksana. Journal of Pragmatics, 69, 99-107.
Pedersen, J. (2010). The different Swedish tack: An ethnopragmatic investigation of Swedish thanking and related concepts. Journal of Pragmatics, 42, 1258-1265.
Sacks, H., Schegloff, E. A., & Jefferson, G. (1974). A simplest systematics for the organization of turn-taking for conversation. Language, 50, 696-735.
Searle, J. R. (1976). A classification of illocutionary acts. Language in Society, 5, 1-23.
Spencer-Oatey, H. (2002). Managing rapport in talk: Using rapport sensitive incidents to explore the motivational concerns underlying the management of relations. Journal of Pragmatics, 34, 529-545.
Wierzbicka, A. (1997). Understanding cultures through their key words: English, Russian, Polish, German, and Japanese. New York: Oxford University Press.