บทวิเคราะห์คำพิพากษาศาลฎีกา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2567 และที่ 3670/2567
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์หลักกฎหมายตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2567 และหลักกฎหมาย ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2567
ในกรณีที่จำเลยขับรถยนต์ขณะเมาสุราเป็นเหตุให้เฉียวชนกับรถยนต์ของผู้อื่น เจ้าของรถ ที่ถูกเฉี่ยวชนในฐานะผู้เอาประกันภัยได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยตามจำนวน เงินเอาประกันภัยแล้ว ต่อมาเจ้าของรถได้ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็น ค่าเสียหายในการซ่อมรถยนต์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 ในคดี อาญาที่พนักงานอัยการฟ้องจำเลย ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของรถ และจำเลยได้ชำระเงินให้แก่เจ้าของรถครบถ้วนตามคำพิพากษาแล้ว ต่อมาบริษัทประกันภัยจะฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากการเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าของรถอีกได้หรือไม่ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2567 ซึ่งผู้เขียนมีข้อสังเกตในหมายเหตุท้ายฎีกา
การที่ศาลจะมีคำสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 จำเป็นจะต้องมีพฤติการณ์พิเศษหรือไม่ และในกรณีที่คำร้องขอขยายระยะเวลาอ้าง เหตุผลส่วนตัวของผู้ร้องอันไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 บัญญัติไว้ ศาลจะมีอำนาจโดยทั่วไปมีคำสั่งให้ขยายกำหนดเวลาให้ได้อยู่หรือไม่ ศาลฎีกา ได้วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2567 ซึ่งผู้เขียนมีข้อสังเกตในหมายเหตุท้ายฎีกา
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.