กลยุทธ์การนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษา และเสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
คำสำคัญ:
การประเมินคุณภาพภายนอก, การยกระดับคุณภาพการศึกษา, การเสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นวิจัยแบบผสมผสานมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ 2) วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภาวะคุกคาม และ 3) พัฒนากลยุทธ์การนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษาและเสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่างและผู้ให้ข้อมูล คือ บุคลากรในสถานศึกษา ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้รับผิดชอบงานประกันคุณภาพการศึกษา จำนวน 658 คน ได้กลุ่มตัวอย่างจากการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง ตามตารางสำเร็จรูปของทาโร ยามาเน่ (Yamane Taro, 1967) และทำการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) แยกตามจังหวัด เขตพื้นที่การศึกษา และทำการสุ่มรายชื่อโรงเรียน แบ่งเป็นสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำนวน 356 คน และสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จำนวน 302 คน เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามและแบบประเมินกลยุทธ์ แบบสอบถามมีค่าดัชนี ความสอดคล้องของข้อคำถามอยู่ระหว่าง 0.80 – 1.00 และค่าความเที่ยงของสภาพปัจจุบันของการนำผลการประกันคุณภาพภายนอกไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษาและเสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เท่ากับ .996 และสภาพที่พึงประสงค์ของการนำผลการประกันคุณภาพภายนอกไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษาและเสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เท่ากับ .992 เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณด้วยแบบสอบถาม และเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการประชุมสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (PNIModified) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า
1) สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษาและเสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 1.1) สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (1) ด้านสภาพแวดล้อมภายในของการนำไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยภาพรวมสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก และการนำไปใช้เสริมสร้างความรับผิดชอบ โดยภาพรวมมีสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับปานกลาง และสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก (2) สภาพแวดล้อมภายนอกของการนำไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยภาพรวมสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับปานกลาง และสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก และการนำไปใช้เสริมสร้างความรับผิดชอบ โดยภาพรวมมีสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับปานกลาง และสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก 1.2) สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (1) สภาพแวดล้อมภายในของการนำไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยภาพรวมสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับปานกลาง และสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก และการนำไปใช้เสริมสร้างความรับผิดชอบ โดยภาพรวมมีสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับมาก และสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมากที่สุด (2) สภาพแวดล้อมภายนอกของการนำไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยภาพรวมสภาพปัจจุบันอยู่ในระดับปานกลาง และสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก และการนำไปใช้เสริมสร้างความรับผิดชอบ โดยภาพรวมมีสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมาก 1.3) ลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นของการนำไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษา สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พบว่า (1) สภาพแวดล้อมภายใน เรียงลำดับได้ดังนี้ ผลลัพธ์การเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ และการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา (2) สภาพแวดล้อมภายนอก เรียงลำดับได้ดังนี้ ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี ปัจจัยทางด้านสังคม ปัจจัยทางด้านการเมืองและนโยบายของรัฐ และปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ 1.4) ลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นของการนำไปใช้เสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พบว่า (1) สภาพแวดล้อมภายใน เรียงลำดับได้ดังนี้ การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา ผลลัพธ์การเรียนรู้ และการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ (2) สภาพแวดล้อมภายนอก เรียงลำดับได้ดังนี้ ปัจจัยทางด้านการเมืองและนโยบายของรัฐ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยทางด้านสังคม และปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี 1.5) ลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นของการนำไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษา สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา พบว่า (1) สภาพแวดล้อมภายใน เรียงลำดับได้ดังนี้ ผลลัพธ์การเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา (2) สภาพแวดล้อมภายนอก ปัจจัยทางด้านการเมืองและนโยบายของรัฐ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยทางด้านสังคม และปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี
1.6) ลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นของการนำไปใช้เสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา พบว่า (1) สภาพแวดล้อมภายใน เรียงลำดับได้ดังนี้ การพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ ผลลัพธ์การเรียนรู้ และการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา
(2) สภาพแวดล้อมภายนอก เรียงลำดับได้ดังนี้ ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี ปัจจัยทางด้านการเมืองและนโยบายของรัฐ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยทางด้านสังคม 2) จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภาวะคุกคาม การนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษาและเสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า 2.1) สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
(1) การนำไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษา พบว่า ด้านการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา และด้านการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ เป็นจุดแข็ง ส่วนด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ เป็นจุดอ่อน ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยทางด้านการเมืองและนโยบายของรัฐ เป็นโอกาส ปัจจัยทางด้านสังคม และปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี เป็นภาวะคุกคาม (2) การนำไปใช้เสริมสร้างความรับผิดชอบ พบว่า ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ และด้านการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ เป็นจุดแข็ง ส่วนด้านการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษาเป็นจุดอ่อน ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี เป็นโอกาส ปัจจัยทางด้านการเมืองและนโยบายของรัฐ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยทางด้านสังคม เป็นภาวะคุกคาม 2.2) สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (1) การนำไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษา พบว่า ด้านการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา และด้านการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ เป็นจุดแข็ง ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้เป็นจุดอ่อน ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยทางด้านสังคม และปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี เป็นโอกาส ปัจจัยทางด้านการเมืองและนโยบายของรัฐ เป็นภาวะคุกคาม (2) การนำไปใช้เสริมสร้างความรับผิดชอบ พบว่า ด้านการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการสถานศึกษาเป็นจุดแข็ง ด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ และด้านการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ เป็นจุดอ่อน ปัจจัยทางด้านการเมืองและนโยบายของรัฐ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยทางด้านสังคมเป็นโอกาส ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยีเป็นภาวะคุกคาม 3) กลยุทธ์การนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้ยกระดับคุณภาพการศึกษาและเสริมสร้างความรับผิดชอบของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ทั้งหมดประกอบด้วย 3 กลยุทธ์หลัก 34 กลยุทธ์รอง และ 90 วิธีดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
Educational Testing Bureau. (2020). Guidelines for quality assessment according to early childhood education standards, basic education standards, and basic education standards for special education centers. Agricultural Cooperative Federation of Thailand Printing House.
Muengdang, P. (2022). The guideline for the improvement of learner]s quality in schools under Phitsanulok Primary Education Service Area Office 3. (Independent Study in Educational Administration, Naresuan University)
Office of the Education Council. (2019). National education standards B.E. 2561. 21 Century.
Phoophanphon, P., Luangangkul, N., & Phusee-on, S. (2018). A study of factors affecting educational quality development of basic education institutions according to external quality assurance system. Journal of Educational Measurement, Mahasarakham University, 16(1), 65-72. (in Thai)
Qian H. & Walker A. (2019). Reconciling top-down policy intent with internal accountability: the role of Chinese school principals. https://doi.org/10.1007/s11092-019-09309-4.
Sawangboon, T., Chantchusakun, S., & Warasunun, P. (2018). Development of a model for utilizing quality assessment results to enhance quality in small basic education institutions in the northeastern region. Office for National Education Standards and Quality Assessment (Public Organization). (in Thai)
Suratthani Rajabhat University. (2018). Guidelines for educational quality assurance. https://graduate.sru.ac.th/wp-content/uploads/2018/06/edu0107-03-insurance guidelines.pdf.
Thai Post. (2023). ONESQA reveals that educational institutions not implementing previous year's assessment results for improvement will affect evaluation consideration in 2024. https://www.thaipost.net/news-update/388431/.
Thai School Website. (n.d.). Roles and responsibilities of educational institutions.https://www.thaischool.in.th/_files_school/30113921/other/ita_30113921_0_20200620-174414.pdf
Wilaipant,J., Thosagai, T., & Srisuthamniwit, P. (2024). Development of internal quality assurance strategies in basic education institutions under the Singburi Primary Educational Service Area Officebased on iddhipada 4. The Journal of Research and Academics. 7(6), 31–48. https://doi.org/10.14456/jra.2024.136. (in Thai)
Wongwanich S. (2007). Needs Assessment Research. Bangkok: Chulalongkorn University Press. (in Thai)
Yamane, T. (1967). Statistics: An introductory analysis (2nd ed.). New York, NY: Harper and Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.


