
Indexed in TCI
Schedule: two issues per year.
Publication: Open Access.
Language: Thai and English.
Reviewers: Double Blinded.
Editor: Asst.Prof.Dr.Ong-art Inthaniwet
Kasalongkham Research Journal, Chiang Rai Rajabhat University, Issue 2, July - December 2024 In the operation of academic journals of the Research and Development Institute, Chiang Rai Rajabhat University, the current quality status of the journal appears in the database of the Thai Journal Citation Index Center (TCI) in Tier2.
For the articles that passed the review process for publication in this issue, there are 4 articles in total: (1) Academic article: A study of the use of chatbots to help reduce stress among students by Chananya Sroithong. This academic article presents that chatbots can effectively reduce stress and promote mental health among adolescents. Chatbots can be used as a tool to help students manage stress. The second article is a research article: Curriculum Evaluation of the Bachelor of Education Program in Educational Technology and Communication (Revised Curriculum 2019), Faculty of Education, Nakhon Ratchasima Rajabhat University by Kittikorn Tipnat et al., who evaluated the curriculum by applying the CIPP Model, which led to conclusions that can be used to improve the curriculum to be up-to-date, suitable for society, keep up with changes in technology, and to ensure that graduates have desirable characteristics that meet the needs of the labor market. The third article is a research article: The effects of inquiry-based learning based on the STEM education concept on a solar oven on the ability to solve scientific problems and academic achievement of Mathayom 1 students at the Government Savings Bank School. Prachuap Khiri Khan Province by Santi Thongsong et al. presented a comparison of scientific problem-solving abilities according to Weir's problem-solving steps and academic achievement of Mathayom 1 students who received inquiry-based learning based on the STEM education concept by integrating Science, Technology, Engineering, and Mathematics with students who received regular learning. The inquiry-based teaching method based on the STEM education concept will help promote students to have higher academic achievement and scientific problem-solving abilities. The last article is a research article on the motivation of Thai tourists to travel to Phrae Province by Amnuayphon Yaiying et al. who analyzed the demographic characteristics and motivation of Thai tourists to travel to Phrae Province using the motivation theory of push factors and pull factors. It can be used to design tourism activities and plan development in various tourist attractions to accommodate tourists and guidelines for developing media to publicize Phrae Province in the future.
The editorial team would like to thank all authors who submitted articles for consideration for publication and thank all qualified persons (Peer Reviews) who reviewed the articles and provided suggestions to develop the articles to be complete in terms of content, accuracy, academics and quality of intensive utilization. Finally, the editorial team hopes that the Kasalongkham Research Journal, Chiang Rai Rajabhat University will be a part in fulfilling academic quality for society and help researchers and interested persons to study information, which will further develop valuable research works in the national academic circle.
In addition, the journal would like to thank Assistant Professor Suppharat Inthaniwet, a lecturer in the Fine Arts Program, Faculty of Humanities and Social Sciences, Chiang Rai Rajabhat University and she is a Chiang Rai artists for their kindness in creating the work titled “Chuchor Rap Arun I” to be the cover image for this issue of the journal.
The work “Chuchor Rap Arun I” by Suppharat Inthaniwet (2019) has a creative concept that is “… the soft light of the morning falls on the petals of a soft white tulip, a flower that she loves because of its graceful shape and pure, clean colors. This tulip is like a symbol of soft beauty, but also has a hidden fragility. The plump petals are arranged beautifully, but are lighter than the wind. They always beg for care and love. They need both coolness and freshness continuously. Although the soft stems supporting the flowers look delicate, they support the flowers to stand upright, facing the wind and rain without any fear. The petals bloom to challenge the sunlight, reflecting the hope and strength hidden in the simple but powerful beauty. When looking out to see the vast view, the white tulips still stand out with their gently moving lines. Their light and colors beautifully convey the realism and naturalness, as if these flowers are smiling at the wind and sunlight, sharing the happiness and peace in the hearts of those who see them ... "
Currently, the work "Chochor Rap Arun I" by Assistant Professor Suppharat Inthaniwet has been lost to the floodwaters due to the floods in Chiang Rai in 2024.
วารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ฉบับที่หนึ่ง เดือนมกราคม-มิถุนายน พ.ศ.2567 นี้ เป็นปีที่ 18 ในการดำเนินงานด้านวารสารวิชาการของสถาบันวิจัย และพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สถานะคุณภาพของวารสารฯ รอบปัจจุบันปรากฏรายชื่อ อยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) ในกลุ่ม 2
สำหรับบทความที่ผ่านกระบวนการพิจารณาเพื่อเผยแพร่ในฉบับนี้มีทั้งสิ้น 4 เรื่อง ได้แก่ (1) บทความวิชาการ เรื่อง แนวทางการทำงานวิเทศสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย พิเชษฐ์ เทพสุวรรณ์ เป็นบทความวิชาการ ที่นำเสนอพัฒนาการด้านการวิจัยของหน่วยงานที่มีลำดับขั้นตอนการวางแผนที่มั่นคงมาแต่ในอดีต จวบจนปัจจุบันที่มุ่งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานชั้นนำของโลกในอนาคต บทความนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการนำไปศึกษาเป็นแนวทางการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการต่างประเทศ บทความเรื่องที่สอง เป็นบทความวิจัย เรื่อง อิทธิพลของการวางแผนการปฏิบัติงานทางการบัญชีที่ดีที่มีต่อคุณภาพการทำงานของนักบัญชีบริษัทในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดย รักษดาวัลย์ ศิริตาคำ โดยนำเสนอคุณภาพการทำงานที่มาจากการวางแผนบัญชีที่ดี ผลการศึกษาและข้อเสนอแนะมีประโยชน์ต่อการนำไปปรับใช้ในยุคสมัยที่ต้องใช้ความรอบคอบ กระบวนการคิดที่ละเอียดดังเช่นปัจจุบันอย่างยิ่ง บทความเรื่องถัดมาเป็นบทความวิจัย เรื่อง โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างการมุ่งนวัตกรรมธุรกิจ ความสามารถการเป็นผู้ประกอบการ โอกาสในการประกอบการ และผลการดำเนินงานของกิจการสตาร์ทอัพ ในประเทศไทย โดย ชัชวาล ภานุศุภนิรันดร์ และคณะ นำเสนอกระบวนการสร้างความสามารถและทักษะในการประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพ ผลการศึกษามีประโยชน์อย่างต่อผู้สนใจการทำธุรกิจในลักษณะการเป็นผู้ประกอบการในสภาพปัจจุบัน และบทความสุดท้ายของฉบับ บทความวิจัย เรื่อง การจัดการขยะมูลฝอยแบบมีส่วนร่วมของชุมชนชาติพันธุ์ขมุบ้านวังผา ตำบลท่าข้าม อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย โดย เสถียร ฉันทะ และคณะ ที่นำเสนอรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีหลักการ สู่การนำกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
กองบรรณาธิการขอขอบคุณผู้เขียนทุกท่านที่ส่งบทความเข้ามารับการพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ และขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Reviews) ทุกท่านที่ได้พิจารณาบทความ ให้ข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาบทความมีความสมบูรณ์ทั้งในด้านเนื้อหาสาระ ความถูกต้อง ทางวิชาการ และคุณภาพการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเข้มข้น ท้ายนี้กองบรรณาธิการหวังว่าวารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จะเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มคุณภาพทางวิชาการให้กับสังคมและเป็นส่วนช่วยให้นักวิจัย ผู้สนใจทั้งหลายได้ศึกษาข้อมูล อันจะต่อยอดสร้างผลงานวิจัยที่มีคุณค่าในวงวิชาการของชาติต่อไป
อนึ่งทางวารสารฯ ขอขอบคุณ อาจารย์พรมมา อินยาศรี ศิลปินเชียงราย ที่ให้ความอนุเคราะห์ผลงานชื่อ “สำเภาเงิน” เพื่อขึ้นเป็นภาพปกให้กับวารสารฯ ในฉบับนี้
ผลงาน “สำเภาเงิน” โดย พรมมา อินยาศรี (2567) มีแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยใช้ เรือ "สำเภาเงิน" เป็นสื่อสัญลักษณ์เปรียบได้กับการเดินทางจากต้นทางด้านหนึ่งไปจนถึงปลายทางอีกด้านหนึ่ง ตลอดระยะทางกว่าจะถึงเป้าหมายต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายทั้ง คลื่นทะเล คลื่นลมพายุ รวมทั้งอุปสรรคอื่น ๆ ที่ต้องใช้ความพากเพียร อดทน นานัปประการ เมื่อหันกลับมามองกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนถึงสิ้นสุดช่วงชีวิต เปรียบได้ กับการเดินทางของชีวิต ต้องผ่านพบเจออุปสรรคที่เข้ามาหลายครั้งหลายหน ทำให้ต้องอดทน มีสติเพื่อฝ่าฟัน ยืนยัดด้วยความแข็งแกร่งมาเช่นเดียวกัน เมื่อมองผ่านเข้ามาตามหลักพระพุทธศาสนา ตามคำสอนของพระศาสดาได้ตรัสไว้ว่า บุคคลหากปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว การกำหนดเป้าหมายเส้นทางการดำเนินชีวิตจะเดินทางไปได้อย่างมีสติ เป็นสุขสำเร็จทุกประการ ดังเช่นนั้นแล อาจารย์พรมมา อินยาศรี ได้ถอดความหมายโดยใช้สัญลักษณ์ดอกบัวบานลอยเหนือท้องฟ้า เพื่อสื่อให้เห็นว่าการหลุดพ้นจากดินและน้ำมาแล้วนั้น เปรียบดังหลักคำสอนที่ส่องแสงให้การเดินทางของเรือและมนุษย์เดินทางสุขความสุข และสำเร็จทุกประการ
ศิลปิน พรมมา อินยาศรี
ชื่อภาพ สำเภาเงิน (2567)
ขนาด 60x80 ซม.
เทคนิค สีอาคลีลิค บนผ้าใบ
ปัจจุบันผลงาน “สำเภาเงิน” และผลงานชิ้นอื่น ๆ ของอาจารย์พรมมา อินยาศรี จัดแสดงอยู่ที่ หอศิลป์บ้านนายพรมมา
เลขที่ 115 หมู่ 10 บ้านป่ายางน้อย ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย 57210
วารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ฉบับที่สอง เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม พ.ศ.2566 นี้ เป็นปีที่ 17 ในการดำเนินงานด้านวารสารวิชาการของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สถานะคุณภาพของวารสารฯ รอบปัจจุบันปรากฏรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) ในกลุ่ม 2
สำหรับบทความที่ผ่านกระบวนการพิจารณาเพื่อเผยแพร่ในฉบับนี้มีทั้งสิ้น 6 เรื่อง ได้แก่ บทความเรื่อง “การประเมินการใช้หลักสูตรภัยพิบัติแผ่นดินไหว สำหรับเยาวชนและประชาชนจังหวัดเชียงราย” โดย สุดาพร ปัญญาพฤกษ์ และคณะ โดยมีเนื้อหาที่นำเสนอถึงผลการประมินคุณภาพการใช้หลักสูตรภัยพิบัติแผ่นดินไหว สำหรับกลุ่มคนทั้งเยาวชน และประชาชนทั่วไปอันจะช่วยเสริมสร้างทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ และเพื่อสามารถนำความรู้ที่ได้จากหลักสูตรไปใช้ได้ อย่างทันท่วงทีหากเกิดกรณีภัยพิบัติขึ้น บทความต่อมาเป็น “ภูมิทัศน์ทางภาษาของชุมชนเมืองเอก รังสิต จังหวัดปทุมธานี” โดย นภัสสร ปลื้มสุทธิ์ และคณะ ที่นำเสนอผลการศึกษาถึงข้อความ ภาษา และประเภทของป้ายโฆษณาที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งบางครั้งอาจจะถูกมองข้ามไปและบางครั้งป้ายอาจจะดึงดูดความน่าสนใจอย่างน่าฉงน การศึกษานี้จึงจำแนกประเภท และรายละเอียดของป้ายในพื้นที่ชุมชนเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่ และนำเสนอรายละเอียดมุมมองได้อย่างน่าสนใจ บทความเรื่องที่สาม คือ “องค์ประกอบเรื่องเล่าอาหารเมืองเพ็ชร์: เมืองสามรส” โดย กิตติพงษ์ มายา และคณะ นำเสนอเรื่องเล่าของอาหารที่โดดเด่นของจังหวัดเพชรบุรี ในแง่ของวัตถุดิบ เส้นทางการรับประทานอาหาร รวมทั้งแรงบันดาลในการสร้างสรรค์จากมิติทางสังคม บทความต่อมาเรื่อง “The Idea of Residential Design of Chinese Dong Nationality” โดย Junhao Lu and Pisit Puntien ที่นำเสนอถึงการศึกษาแนวคิด หลักการของสถาปัตยกรรมประเพณีต้งของชาวจีนแบบดั้งเดิมให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ บทความเรื่องที่ห้า “The Application of Traditional Lacquer Carving Technology in Modern Product Design” โดย Junguo Zhao and Pisit Puntien เป็นการนำเสนอผลการศึกษาคุณลักษณะทางศิลปะและเทคโนโลยีการแกะสลักเครื่องเขินแบบดั้งเดิมของจีน โดยต่อยอดออกแบบ สู่เครื่องประดับและการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ให้มีความร่วมสมัย และบทความสุดท้าย บทความเรื่องที่หก “ความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ของนักศึกษาครูคณิตศาสตร์ชั้นปีที่ 1: ผลจากการใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีสรรคนิยม” โดย วิทยา พูลสวัสดิ์ และ ลือชา ลดาชาติ ที่นำเสนอผลการศึกษารูปแบบการสอนตามทฤษฎีสรรคนิยมของนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
กองบรรณาธิการขอขอบคุณผู้เขียนทุกท่านที่ส่งบทความเข้ามารับการพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ และขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Reviews) ทุกท่านที่ได้พิจารณาบทความ ให้ข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาบทความมีความสมบูรณ์ทั้งในด้านเนื้อหาสาระ ความถูกต้องทางวิชาการ และคุณภาพการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเข้มข้น ท้ายนี้กองบรรณาธิการหวังว่าวารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จะเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มคุณภาพทางวิชาการให้กับสังคมและเป็นส่วนช่วยให้นักวิจัย ผู้สนใจทั้งหลายได้ศึกษาข้อมูล อันจะต่อยอดสร้างผลงานวิจัยที่มีคุณค่าในวงวิชาการของชาติต่อไป
อนึ่งทางวารสารฯ ขอขอบคุณ อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเชียงรายที่ให้ความอนุเคราะห์ผลงานชื่อ “แจกัน” เพื่อขึ้นเป็นภาพปกให้กับวารสารฯ ในฉบับนี้
รายละเอียดผลงาน “แจกัน” โดย สมลักษณ์ ปันติบุญ (2566) ศิลปินเชียงราย เป็นงานปั้นขึ้นรูปด้วยแป้นหมุน (Wheel Throwing) มีรูปลักษณ์เป็นแจกันที่มีความร่วมสมัย ลักษณะเป็นงานปั้นดิน เคลือบ ผ่านกระบวนการเผาสองครั้ง ครั้งแรกเผาด้วยบิสกิต (Bisque) จากนั้นนำมาเขียน ขีด ลาย ด้วยเหล็กออกไซด์ (สีดำ) (Ferric Oxide) ให้มีลวดลาย ถ่ายทอดอารมณ์ แฝงความเป็นศิลปะนามธรรม (Abstract Art) ตามจินตนาการของตนเอง การเครือบครั้งที่สองเป็นการเครือบด้วยหินแร่เฟลด์สปาร์ (Feldspar) หรือแร่ฟันม้า ใช้ไฟในการเผาอุณหภูมิสูง เกรด Stoneware หรือประมาณ 1,250-1,280 องศาเซลเซียส การใช้ไฟสูงนี้ทำให้เกิดการสันดาปไม่สมบูรณ์และทำให้เกิดควันไฟเข้าไปในงาน จะช่วยสร้างมิติให้กับผิวงานทำให้งานน่าสนใจ
ปัจจุบันผลงาน “แจกัน” และผลงานชิ้นอื่น ๆ ของอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ จัดแสดงอยู่ที่ Doy Din Dang Pottery ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
วารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ฉบับแรกเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี พ.ศ.2566 นี้ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 17 ในการดำเนินงานด้านวารสารวิชาการของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สถานะคุณภาพของวารสารฯ รอบปัจจุบันปรากฏรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) ในกลุ่ม 2
สำหรับบทความที่ผ่านกระบวนการพิจารณาเพื่อเผยแพร่ในฉบับนี้มีทั้งสิ้น 7 เรื่อง ได้แก่ บทความเรื่อง “An Analysis of the Famous Operatic Vocal Duets in Covido the Opera: A Main Performer’s Perspective” โดย เฟื่องลดา ประวัง คาล์สัน โดยมีเนื้อหาในเชิงบทความวิชาการที่นำเสนอเชิงวิเคราะห์อุปรากรที่ผสมผสานระหว่างการใส่เนื้อร้องภาษาไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์และแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงได้อย่างน่าสนใจ บทความต่อมาเป็น “การศึกษาพฤติกรรมการฟังเพลงของเด็กปฐมวัยยุคใหม่” โดย เพียงแพน สรรพศรี ปรเมศวร์ สรรพศรี วัชรพงษ์ วิชา และเจษฎา อุทุมภา ที่นำเสนอผลการศึกษาเชิงพฤติกรรมที่จะนำไปเชื่อมโยงกับการจัดกิจกรรมของเด็กในระดับปฐมวัย ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อแนวคิดการแต่งเพลง การเลือกเพลงมาใช้จัดกิจกรรมที่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี บทความเรื่องที่สาม คือ “ทุนวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืนของชุมชนไทลื้อบ้านลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่” โดย ฐิติมา อังกุรวัชรพันธุ์ และกิ่งกนก เสาวภาวงศ์ ที่นำเสนอแนวทางการพัฒนาชุมชนที่จะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวชุมชนด้วยกระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยเรื่องนี้จะเกิดประโยชน์และเป็นแบบอย่างที่ดีต่อพื้นที่อื่น ๆ ได้ บทความต่อมาเรื่อง การศึกษา เชิงวิเคราะห์การปรับบทแปลและกลวิธีการแปลจากนวนิยาย เรื่อง “เทวากับซาตาน” โดย ณฐกร ผลเอกประดิษฐ์ ที่ศึกษาเกี่ยวกับการปรับบทแปล และกลวิธีการแปลในนวนิยายเรื่อง “เทวากับซาตาน” โดยนำหลักเกณฑ์ในการปรับบทแปลของ สัญฉวี สายบัว (2560) และ โมนา เบเคอร์ (2535) มาเป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์ โดยมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการศึกษาด้านวรรณกรรมทางมนุษยศาสตร์ บทความเรื่องที่ห้า “การเผยแพร่ศาสตร์พระราชาผ่านสื่อมวลชนกับความเข้าใจและการยอมรับต่อศาสตร์พระราชาของประชาชนในจังหวัดเชียงราย” โดย กรกนก นิลดำ ผลการวิจัยเป็นการนำเสนอแง่มุมของชุมชนต่อแนวคิดความเข้าใจของคนในพื้นที่ต่อการแนวคิดมาปรับใช้ บทความเรื่องที่หก “แนวทางการพัฒนามาตรฐานการผลิตสับปะรดนางแล สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จังหวัดเชียงราย โดย นุกุล อินทกูล เป็นการนำเสนอข้อมูลจากการศึกษาวิจัยในพื้นที่ โดยข้อมูลที่ได้สามารถนำไปปรับใช้กับการยกระดับผลผลิตทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี และบทความสุดท้ายของ วิทยา พูลสวัสดิ์ และลือชา ลดาชาติ ที่นำเสนอการศึกษาถึงรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีสรรคนิยมเพื่ออส่งเสริมการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ของนักศึกษาครู
กองบรรณาธิการขอขอบคุณผู้เขียนทุกท่านที่ส่งบทความเข้ามารับการพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ และขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Reviews) ทุกท่านที่ได้พิจารณาบทความ ให้ข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาบทความมีความสมบูรณ์ทั้งในด้านเนื้อหาสาระ ความถูกต้อง ทางวิชาการ และคุณภาพการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเข้มข้น ท้ายนี้กองบรรณาธิการหวังว่าวารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จะเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มคุณภาพทางวิชาการให้กับสังคมและเป็นส่วนช่วยให้นักวิจัย ผู้สนใจทั้งหลายได้ศึกษาข้อมูล อันจะต่อยอดสร้างผลงานวิจัยที่มีคุณค่าในวงวิชาการของชาติต่อไป
อนึ่งทางวารสารฯ ขอขอบคุณ อาจารย์สรัลวลัย ปงกันมูล ศิลปินเชียงราย ที่ให้ความอนุเคราะห์ภาพเขียนชื่อ “Blue bird” เพื่อขึ้นเป็นภาพปกให้กับวารสารฯ ในฉบับนี้
วารสารการวิจัยกาสะลองคำ ขอขอบคุณผู้เขียน กองบรรณาธิการ ผู้ประเมินบทความ และเจ้าหน้าที่วารสารฯ ทุกท่านที่ ร่วมแรงร่วมใจสร้างสรรค์บทความที่ดีมีคุณภาพและเผยแพร่สู่แวดวงวิชาการอย่างมั่นคงเพื่อร่วมพัฒนาวงวิชาการในประเทศ ให้ก้าวหน้าเจริญยิ่งขึ้นไป อย่างไรก็ตามวารสารฯ มีความยินดีอย่างยิ่งและขอเชิญชวนนักวิชาการที่สนใจได้เสนอบทความที่ มีคุณภาพเข้ามาพิจารณาเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในฉบับต่อไป
อนึ่ง วารสารการวิจัยกาสะลองคำ ขอขอบพระคุณ คุณทนงศักดิ์ ปากหวาน ศิลปินเชียงราย ที่อนุเคราะห์ไฟล์ภาพ ผลงานชื่อ “โอบอุ้ม”(2562)เพื่อลงเป็นภาพปกของวารสารในฉบับนี้ ผลงานจิตรกรรมจริงชิ้นนี้ เป็นภาพวาดบนผืนผ้าใบ ขนาด 150x120เซนติเมตร ใช้เทคนิคสีฝุ่น ทองคำเปลว โดยมีแนวคิดของภาพที่กล่าวถึงบุคคลผู้เป็นแม่ที่ทำหน้าที่คอย ปกป้องรักษา ให้ความรัก ความอบอุ่น ทะนุทนอมลูกน้อยและเลี้ยงดูลูกจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์เพียบพร้อมปัจจุบัน ภาพเขียนดังกล่าวมีผู้สนับสนุนแล้วและนำไปจัดแสดงในบ้านพักส่วนตัว
ภาพวาดโดย อาจารย์เสงี่ยม ยารังษี ศิลปินเชียงราย
ผลงานส่วนหนึ่งในภาพวาดชุดการเดินทางในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โครงการ Thailand & Beauty : Travel to the Art of Thailand " ของเสงี่ยม ยารังษี (2556) เป็นผลงานที่ถ่ายทอด สภาพแวดล้อมของวัดจีนแห่งหนึ่งในนครเฉิงตู ตั้งอยู่ระหว่างการเดินทางก่อนเข้าสู่เมืองจิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นวัดที่มีรูปทรงโดดเด่น ตั้งอยู่ทามกลางสภาพแวดล้อม ทิวทัศน์สวยงาม และในขณะเดียวกันมีพระลามะกำลังทำวัดกลางวันอย่างขะมักขะเม้นอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวจัด”
ภาพขนาด 50x60 ซม. เทคนิค สีอะครีลิคบนผืนฝ้าใบ
ขอขอบคุณภาพปก
โดย ทรงเดช ทิพย์ทอง ศิลปินเชียงราย
ชื่อผลงาน วัดป่าสัก เชียงแสน ขนาด 150x200 ซม. เทคนิค สีอะครีลิคบนผืนฝ้าใบ ผลงานชิ้นนี้เป็น 1 จาก 3 ผลงานในวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโท (2542) ของทรงเดช ทิพย์ทอง โดยมีแรงบันดาลใจจาก เจดีย์วัดป่าสัก ซึ่งถือเป็นเจดีย์ศิลปะล้านนาที่มีความงดงามลงตัวมากที่สุด ทั้งในด้าน รูปทรง สัดส่วน นอกจากนี้ลวดลายหน้าเทวดา และหน้ากาล มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะเชียงแสนอย่างแท้จริง อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ถึงกับเคยกล่าวไว้ว่าถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวแล้วทุกสิ่งทุกอย่างในจังหวัดเชียงรายล่มสลายไปหมด หากเจดีย์วัดป่าสัก เชียงแสน ยังคงอยู่ก็เท่ากับว่าเชียงรายไม่ได้สูญเสียอะไรไปเลย ปัจจุบันผลงานชิ้นนี้ติดตั้งอยู่ที่โรงแรม มรรคา
วารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ บทความวิชาการ,บทความวิจัย,บทวิจารณ์และหนังสือ,บทความปริทัศน์, บทความรับเชิญ โดยเนื้อหาในบทความเกี่ยวข้องกับ ศิลปศาสตร์,มนุษยศาสตร์,ปรัชญาและสังคมวิทยาศิลปศาสตร์ ,มนุษยศาสตร์,ปรัชญาและสังคมวิทยา
วารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
ฉบับที่ 14 เล่มที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2020
วารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ บทความวิชาการ,บทความวิจัย,บทวิจารณ์และหนังสือ,บทความปริทัศน์, บทความรับเชิญ โดยเนื้อหาในบทความเกี่ยวข้องกับ ศิลปศาสตร์,มนุษยศาสตร์,ปรัชญาและสังคมวิทยาศิลปศาสตร์ ,มนุษยศาสตร์,ปรัชญาและสังคมวิทยา
วารสารการวิจัยกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
ฉบับที่ 14 เล่มที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2563
Indexed in TCI
Schedule: two issues per year.
Publication: Open Access.
Language: Thai and English.
Reviewers: Double Blinded.
Editor: Asst.Prof.Dr.Ong-art Inthaniwet
User manual for author
Submission Form TH (PDF , DOC)
Submission Form EN (PDF , DOC)
Article Format & Template (PDF, DOC)
Citation Format
Kasalongkham Research Journal, Chiangrai Rajabhat University
Research and Development Institute, Chiang Rai Rajabhat University |