วิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยด้วยการสมานฉันท์แนวพุทธ

บทคัดย่อ

ความขัดแย้งในสังคมไทย ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม การเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ก่อให้เกิดความกระทบต่อความสุขของสังคมเกือบทุกด้าน เป็นอุปสรรคต่อการบริหารบ้านเมือง ทำให้เกิดความวิกฤตทางเศรษฐกิจ แม้จะมีผู้หวังดีเสนอแนวทางแก้ไขแนวสมานฉันท์ ให้รักสามัคคีมาหลายแนว แต่ก็ไม่เป็นรูปธรรม ทำให้เกิดยุติความขัดแย้งลง ในทางตรงกันข้าม กลับเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในท่ามกลางความขัดแย้งของคน ๒ ฝ่าย ก็ยังมี
ชาวสังคมส่วนมากที่วางตัวเป็นกลาง หรือมักเรียกกันว่า พลังเงียบ ต่างเฝ้ามองอย่างมีความหวังว่า ปัญหาดังกล่าว จะยุติลงด้วยดี โดยมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้หวังดีต่อประเทศชาติอย่างจริงใจ มาช่วยประนีประนอมให้เรื่องร้ายกลายเป็นดีในที่สุด เพราะเชื่อว่า อยุธยาไม่สิ้นคนดี เพราะผู้หวังดีต่อประเทศชาติอย่างจริงใจโดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตนแอบแฝงนั้นมีอยู่มาก ถ้าได้รับแรงบันดาลที่ดีและมั่นใจ ก็จะรวมพลังกันทำเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ตามที่หวัง เนื่องจากประเทศไทย มีพระพุทธศาสนา เป็นรากฐานทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิถีชีวิตของคนไทยมายาวนาน คนส่วนมากนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึงและดำเนินชีวิตตามคำสอนทางพระพุทธศาสนา ถ้านำพุทธวิธี คือเรื่องราวพระสูตรต่างๆ เช่น กันติสูตร หรือหลักสาราณียธรรม ในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ที่ทรงแสดงแก่พระภิกษุสงฆ์มาประยุกต์ใช้กับปัญหาดังกล่าว น่าจะทำให้สังคมไทยยอมรับได้และช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หวังดีทั้งหลายได้ทำเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี สมตามความหวังของสังคมได้