ตัวบ่งชี้วัฒนธรรมองค์การสำหรับบุคลากรสังกัด มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

Main Article Content

สำราญ ศรีคำมูล

บทคัดย่อ

     บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาระดับความเหมาะสมของตัวบ่งชี้วัฒนธรรมองค์การสำหรับบุคลากรสังกัดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เพื่อคัดสรรกำหนดไว้ในโมเดลความสัมพันธ์โครงสร้าง (๒) เพื่อทดสอบความสอดคล้องของโมเดลในระดับพฤติกรรมตัวบ่งชี้ของแต่ละตัวบ่งชี้ที่พัฒนาขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และทดสอบความสอดคล้องของโมเดลในระดับตัวบ่งชี้ของแต่ละองค์ประกอบย่อย และโมเดลในระดับองค์ประกอบย่อยของวัฒนธรรมองค์การสำหรับบุคลากรสังกัดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยกับข้อมูลเชิงประจักษ์ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับที่สอง (๓) เพื่อระบุองค์ประกอบย่อย ตัวบ่งชี้และพฤติกรรมตัวบ่งชี้ที่มีค่าความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง และ (๔) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาวัฒนธรรมองค์การสำหรับบุคลากรสังกัดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยใช้วิธีการศึกษาวิจัยแบบผสมวิธี คือผสมผสานการวิจัยระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ในภาคสนาม ๔ ขั้นตอนตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ผลการศึกษาวิจัยพบว่า : ๑.จากการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์และสรุปวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องโดยวิธีใช้ตารางสังเคราะห์เอกสารและงานวิจัย(Content Analysis) ตามทฤษฎีของ Bloom's Taxonomy of Educational Objective ตัวบ่งชี้วัฒนธรรมองค์การสำหรับบุคลากรสังกัดมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ประกอบด้วย ๔ องค์ประกอบย่อย ๑๒ ตัวบ่งชี้ และ ๔๘ พฤติกรรมบ่งชี้  และโมเดลความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างตัวบ่งชี้วัฒนธรรมองค์การที่เหมาะสมตามเกณฑ์ที่กําหนดไว้ คือ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับหรือสูงกว่า ๓.๐๐  ๒.เก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่าง ๖๔๐ รูป/คน และนำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติการวิเคราะห์องค์ประกอบหลัก (Factor Analysis) โดยโปรแกรมสำเร็จรูป โมเดลมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ พิจารณาจากค่าไค-สแควร์ (c2) เท่ากับ ๘๒.๑๘ ค่าองศาอิสระ (df) เท่ากับ ๔๒ ( =๑.๙๕) และค่าดัชนีวัดระดับความสอดคล้อง (GFI)เท่ากับ ๐.๙๘ มีค่าดัชนีวัดระดับความสอดคล้องที่ปรับแก้แล้ว (AGFI) เท่ากับ ๐.๙๖ และค่าความคลาดเคลื่อนในการประมาณค่าพารามิเตอร์ (RMSEA) เท่ากับ ๐.๐๓๙ และ ๓. องค์ประกอบย่อยมีค่านํ้าหนักองค์ประกอบมาตรฐานสูงกว่าเกณฑ์ ๐.๕๐ ทุกตัวบ่งชี้และพฤติกรรมบ่งชี้มีค่านํ้าหนักองค์ประกอบมาตรฐานสูงกว่าเกณฑ์ ๐.๓๐ ทุกตัว % ๔.นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มาบูรณาการเข้ากับศาสตร์สมัยใหม่ พร้อมกับยึดคติพจน์ของมหาวิทยาลัย คือ ระเบียบ สามัคคี บำเพ็ญประโยชน์ มาเป็นกรอบในการพัฒนา

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ศรีคำมูล ส. “ตัวบ่งชี้วัฒนธรรมองค์การสำหรับบุคลากรสังกัด มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย”. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, ปี 7, ฉบับที่ 2, สิงหาคม 2020, น. 286-00, https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JMA/article/view/207050.
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทร์. ยอดกลยุทธ์การบริหารสำหรับองค์การยุคใหม่. กรุงเทพมหานคร: ด่านสุทธาการพิมพ์, ๒๕๔๔.

พระมหาสาคร ภักดีนอก. “ทิศทางของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยในทศวรรษหน้า (พ.ศ.๒๕๕๕ – ๒๕๖๔)”. วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ๒๕๕๕.

พันธ์ศักดิ์ พลสารัมย์. การปฎิรูประบบการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ระดับปริญญาตรี. กรุงเทพมหานคร: ทบวงมหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔.

สมโภชน์ นพคุณ. “วัฒนธรรมองค์การสำคัญอย่างไร”. วารสารข้าราชการ. ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓ (๒๕๔๑): ๔๖-๕๒.

สำนักงานประกันคุณภาพการศึกษา. คู่มือประกันคุณภาพ. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ๒๕๕๑.

ศุภลักษณ์ วิริยะสุมน.“การนำเสนอวาระปฏิบัติเพื่อพัฒนาวัฒนธรมองค์การของมหาวิทยาลัยราชภัฏสู่ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน ในฐานะสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น”. ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต. สาขาวิชาอุดมศึกษา ภาควิชานโยบายการจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา คณะครุศาสตร์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๗.

เอกชัย กี่สุขพันธ์. การนำองค์การและเทคโนโลยีการบริหารการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๓.