การมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันความรุนแรงในครอบครัวตามหลักพระพุทธศาสนา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ วัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาหลักธรรมเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมตามหลักพระพุทธศาสนา (๒) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของชุมชนนำร่องในการป้องกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัว (๓) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัวตามหลักพระพุทธศาสนา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสืบค้นข้อมูลเอกสาร และใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐและเจ้าหน้าที่สังกัดเทศบาลเมืองนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ และแกนนำชุมชน สมาชิกผู้อยู่อาศัยในชุมชน เจ้าอาวาสวัด และอาสาสมัครในชุมชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัว จำนวน ๑๐ รูป/ท่าน
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในพระพุทธศาสนา ที่สำคัญได้แก่ อิทธิบาท ๔ พรหมวิหาร ๔ หลักธรรมการมีส่วนร่วมในอัคคัญญสูตร สังคหวัตถุ ๔ และสาราณียธรรม ๖ โดยในการดำเนินงานของชุมชน พบปัญหาอุปสรรคที่สำคัญหลายประการ ได้แก่ ปัญหาด้านทัศนคติของคนในชุมชน ปัญหาด้านความล่าช้าในการแจ้งเหตุการใช้ความรุนแรง และปัญหาการใช้ความรุนแรงโดยการกระทำความผิดซ้ำ ทั้งนี้แนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัวตามหลักพระพุทธศาสนา ผู้วิจัยได้นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญมาใช้ในการวิเคราะห์จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ สังคหวัตถุ ๔ และ สาราณียธรรม ๖ โดยจะต้องมีการเฝ้าระวังการใช้ความรุนแรงในครอบครัวและชุมชน มีการให้ความช่วยเหลือกันในรูปแบบของเครือข่ายสหวิชาชีพ การใช้วาจาแนะนำตักเตือน อบรมให้ความรู้แก่สมาชิกในชุมชน การใช้ทักษะการพูดในเรื่องของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้นำชุมชน การบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือกันและกันในชุมชน เช่น อาสาสมัคร จิตอาสาต่าง ๆ ในชุมชน การแบ่งปัน ช่วยเหลือคนในชุมชน และการวางตนเป็นแบบอย่างที่ดี รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง ร่วมทำกิจกรรมกับคนในชุมชนอย่างสม่ำเสมอ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายและแนวปฏิบัติที่มีของชุมชนร่วมกัน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
พระปลัดณรงค์ศักดิ์ วิสุทฺธิเมธี และสุขี มากมูลดี. “สังคหวัตถุองค์ธรรมแห่งการสังคมสงเคราะห์”. วารสารพุทธมัคค์. ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๒ (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๒) : ๑๐-๑๙.
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. “สถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)”. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.opendata. nesdc.go.th [๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖].
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว. “สถิติความรุนแรงในครอบครัว ในรอบ ๖ ปี”. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.opendata.nesdc.go.th [๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖].
ชลาศัย กันมินทร์. “ความรุนแรงในครอบครัว: ปัญหาและแนวทางป้องกัน”. งานประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยรังสิตประจำปี ๒๕๖๒. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://rsucon.rsu.ac.th/files/ proceedings/nation๒๐๑๙/NA๑๙-๑๓๖.pdf [๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๓].
ชิตพล ชัยมะดัน, “รูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคมของชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสระแก้ว”, วารสารวิชาการศิลปศาสตร์ประยุกต์, ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑ (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๑) : ๓๐-๓๘, [ออนไลน์], แหล่งที่มา: http://ojs.kmutnb.ac.th/ index.php/faa/article/download/๒๑๙๘/๑๘๐๕ [๒๔ มกราคม ๒๕๖๔].
มติชนออนไลน์. “เพราะรักฝ่ายเดียว! หนุ่มอ้างเหตุยิงดับ เมีย-พ่อตา เผยเหมือนถูกหลอกแต่งงานเอาสินสอด ตร.จับได้ก่อนฆ่าตัวตายตาม”. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.matichon.co. th/news-monitor/news_920243 [๑๕ มีนาคม ๒๕๖๓].
สนามข่าว ๗ สี ออนไลน์. “ฝ่ายปกครองลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีลูกสาวทุบตีพ่อป่วยติดเตียง จ.บุรีรัมย์”. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.news.ch7.com [๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕].