แนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อส่งเสริมสมรรถนะวิชาชีพผู้เรียนของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพพึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของแนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อส่งเสริมสมรรถนะวิชาชีพผู้เรียนของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี (2) เพื่อเสนอแนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อส่งเสริมสมรรถนะวิชาชีพผู้เรียนของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี วิธีการดำเนินการวิจัยมี 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพพึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นการบริหารงานวิชาการเพื่อส่งเสริมสมรรถนะวิชาชีพผู้เรียนของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 3๑4 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นสภาพ
ปัจจุบันเท่ากับ 0.93 และสภาพที่พึงประสงค์เท่ากับ 0.96 วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีความต้องการจำเป็น และขั้นตอน ที่ 2 นำเสนอแนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อส่งเสริมสมรรถนะวิชาชีพผู้เรียนของสถานศึกษา ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 4 คน และนักวิชาการ จำนวน 1 คน อาจารย์ประจำสาขาการบริหารการศึกษา จำนวน 1 คน อาจารย์ด้านการวิจัย จำนวน ๑ คนซึ่งได้มาจากวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า (๑) สภาพปัจจุบันของแนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อส่งเสริมสมรรถนะวิชาชีพผู้เรียนของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี โดยภาพรวมทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง สภาพพึงประสงค์ โดยภาพรวมทุกด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด และความต้องการจำเป็น สามลำดับแรก ได้แก่ ด้านการพัฒนาหลักสูตร ด้านการจัดการเรียนการสอน และด้านการวัดและประเมินผล (๒) แนวทางการบริหารงานวิชาการเพื่อส่งเสริมสมรรถนะวิชาชีพผู้เรียนของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบด้วยรายการปฏิบัติรวมทั้งสิ้น ๒๓ รายการ พิจารณาตามค่าความต้องการจำเป็น 3 ลำดับแรก 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านการพัฒนาหลักสูตร ๙ รายการปฏิบัติ เช่น ผู้บริหารจัดทำคู่มือกำหนดวิธีการปฏิบัติงานพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา ด้านที่ 2 ด้านการจัดการเรียนการสอน ๘ รายการปฏิบัติ เช่น ครูส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองตามความถนัดในสมรรถนะวิชาชีพ และด้านที่ 3 ด้านการวัดและประเมินผล 6 รายการปฏิบัติ เช่น ครูมีหลักการที่เหมาะสมในการตัดสินใจในการเลือกวิธีการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะวิชาชีพ
คำสำคัญ : การส่งเสริม; การบริหารวิชาการ; สมรรถนะวิชาชีพ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
จรินทร์ทิพย์ ประทุมรัตน์. ความเป็นผู้นำทางการศึกษา, พิมพ์ครั้งที่ ๓, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๖๑)
ณฐกร ดวงพระเกษ,ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ, ลัดดาวัลย์ เกษมเนตร, “การจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมสมรรถนะนักศึกษาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย”, วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ปีที่ ๑๘ ฉบับที่ ๒ (กรกฎาคม – ธันวาคม ๒๕๖๐) : ๒๑๑-๒๑๘.
ประยูร บุญใช้, “สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21ของครูประถมศึกษา”.วารสารเซนต์จอร์น, ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๔๐ (พฤษภาคม – มิถุนายน ๒๕๖๔) : ๒๔๐-๒๕๘.
สิทธิเดช ชมจันทร์,อุไร จักษ์ตรีมงคลม,กาญจนา ตระกูลวรกุล, “การประเมินความต้องการจำเป็นเกี่ยวกับทักษะการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของครูระดับชั้นมัธยมศึกษา โดยใช้แบบจำลองคาโน”, วารสารการวัดผลการศึกษา, ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑๐๕ (มกราคม – มิถุนายน ๒๕๖๕) : ๑๙๐-๒๐๓.
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๑.
Cronbach, L.J. “Essentials of psychological testing”, 5th ed, (New York :Harper & Row),(1990) : 202-204.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. “Determining Sample Size for Research Activities”, Educational and Psychological Measurement, Vol 30 No 3 (1970) : 607-610.