การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับทฤษฎีของคาร์ล ออร์ฟ(Carl Orff) เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติดนตรีไทย “อังกะลุง”ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี

Main Article Content

กนกวรรณ สวัสดี

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ


การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับทฤษฎีของคาร์ล ออร์ฟ (Carl Orff) เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติดนตรีไทย “อังกะลุง” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี โดยการหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ (๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับทฤษฎีของคาร์ล ออร์ฟ (Carl Orff) เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติดนตรีไทย “อังกะลุง” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี จากผลการเรียนของนักเรียน ก่อนและหลังการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ (๓) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้


การศึกษาการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วม มือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับทฤษฎีของคาร์ล ออร์ฟ (Carl Orff) เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติดนตรีไทย “อังกะลุง” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดเทศบาลเมืองเสนา
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ซึ่งได้มาโดยการใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จากจำนวน ๓ ห้องเรียน โดยเลือกเพียง ๑ ห้องเรียน คือ ห้องเรียน ๓/๑ มีนักเรียนจำนวน ๒๘ คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน ๕ ชุด แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๕ แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน ๓๐ ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพ วิเคราะห์ความแตกต่างโดยใช้ค่า t-test (Dependent Samples) และค่าดัชนีประสิทธิผล เก็บรวมรวบข้อมูล ประมวลผล และสรุปผล อภิปรายโดยใช้ตารางและการพรรณนา


ผลการศึกษาพบว่า (๑) ผลการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับทฤษฎีของคาร์ล ออร์ฟ (Carl Orff) เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติดนตรีไทย “อังกะลุง” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี มีค่าประสิทธิภาพ      E๑/E๒ เท่ากับ ๙๐.๔๑/๙๓.๐๐ โดยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (๒) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ ก่อนและหลังการเรียนรู้ ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับทฤษฎีของคาร์ล ออร์ฟ (Carl Orff) เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติดนตรีไทย “อังกะลุง” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี พบว่า หลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๔๗ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ (๓) ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับทฤษฎีของคาร์ล ออร์ฟ (Carl Orff) เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติดนตรีไทย “อังกะลุง” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี มีค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) มีค่าเท่ากับ ๐.๘๑ คิดเป็นร้อยละ ๘๑.๐๐


 

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สวัสดี ก. “การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (ดนตรี) โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับทฤษฎีของคาร์ล ออร์ฟ(Carl Orff) เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติดนตรีไทย ‘อังกะลุง’ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนเสนาบดี”. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, ปี 11, ฉบับที่ 3, ธันวาคม 2024, น. 195-11, https://so04.tci-thaijo.org/index.php/JMA/article/view/273098.
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

บรรณานุกรม

กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์, ๒๕๔๕.

กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร:

โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ จำกัด, ๒๕๕๑.

ณรุทธ์ สุทธจิตต์. กิจกรรมดนตรีสาหรับครู. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๔.

. พฤติกรรมการสอนดนตรี. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพมหานคร: สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๕.

. สาระดนตรีศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๕.

ดวงกมล สินเพ็ง. การพัฒนาผู้เรียนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ : การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็น ศูนย์กลาง : กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๓.

ทิศนา แขมมณี. การวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๐.

พรพรรณ บัวทั่ง (2556). การพัฒนาบทเรียนมัลติมีเดียเรื่องวงอังกะลุงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์"วารสารวิจัยออนไลน์นวัตกรรมการศึกษา : e-Journal of Innovative

Education" ฉบับที่ 2 ปีที่ 1 (พฤษภาคม-ตุลาคม 2556) เล่มนี้เป็นวารสารอิเล็กทรอนิกส์(e-Journal)

ของภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

มนัสพงศ์ ภูบาลชื่น. “การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสระการเรียนรู้ศิลปะเรื่องดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ตามแนวคิดของโซลดาน โคดาย”. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต เทคโนโลยีทางการศึกษา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๗.

วิทยา ไล้ทอง. “การคลอทำนองเพลงด้วยโดรนตามแนวคิดในการสอนดนตรีของออร์ฟ”. วารสารครุ ศาสตร์. ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๔ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑). สาขาวิชาดนตรีศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. คู่มือการประเมินคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อการประกัน คุณภาพภายในของสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ สำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๖๐.

เสาวภา กิจวาส. (๒๕๕๘). การพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรูศิลปะ เรื่อง อังกะลุง สำหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดภูผาภิมุข. การประชุมวิชาการของมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ครั้งที่ ๕๔. สาขาศึกษาศาสตร์, สาขาเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ, สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. กรุงเทพฯ. ๒๕๕๙. วันที่ประชุม : ๒-๕ ก.พ. ๒๕๕๙