ทรานส์เซ็กชวลกับการบวชในพุทธศาสนาเถรวาท

บทคัดย่อ

         บทความฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ (๑) เพื่อศึกษาเรื่องประเภทของเพศในมุมมองทางพุทธศาสนาเถรวาท (๒) เพื่อศึกษาเรื่องเป้าหมายของการบวชในมุมมองทางพุทธศาสนาเถรวาท (๓) เพื่อศึกษาเรื่องเงื่อนไขของการบวชทั้งในส่วนของภิกษุและภิกษุณีในมุมมองทางพุทธศาสนาเถรวาท (๔) เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการบวชของกลุ่มเพศทรานส์เซ็กชวลในมุมมองทางพุทธศาสนาเถรวาท วิธีการดำเนินการวิจัยมี ๔ ขั้นตอน คือ (๑) ผู้วิจัยจะค้นคว้าข้อมูลเพื่อให้ทราบถึงประเด็นประเภทของเพศในมุมมองทางพุทธศาสนาเถรวาท (๒) ผู้วิจัยจะค้นคว้าข้อมูลเพื่อให้ทราบถึงประเด็นเป้าหมายของการบวชในมุมมองทางพุทธศาสนาเถรวาท (๓) ผู้วิจัยจะค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกเพื่อที่จะทำให้ทราบถึงเงื่อนไขของการบวชทั้งในส่วนของภิกษุและภิกษุณีที่ปรากฏในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีคำอธิบายเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวอย่างไรบ้าง (๔) ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำข้อมูลจากการศึกษาทั้งหมดมาวิเคราะห์ให้เห็นว่าการบวชของกลุ่มเพศทรานส์เซ็กชวลในมุมมองทางพุทธศาสนาเถรวาทบวชสามารถบวชได้หรือไม่ และมีคำอธิบายไว้อย่างไรบ้าง

         ผลการวิจัยพบว่า ในพระอภิธรรมปิฎกระบุว่าภาวรูป ซึ่งได้แก่ ภาวะความเป็นเพศชายและภาวะความเป็นเพศหญิงที่จัดเป็นอุปาทายรูปนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้กระบวนการแปลงเพศของกลุ่มเพศทรานส์เซ็กชวลเปลี่ยนได้เฉพาะร่างกายภายนอกเท่านั้น จึงสรุปว่าตามคัมภีร์พุทธศาสนากลุ่มเพศทรานส์เซ็กชวลไม่สามารถบวชได้ นอกจากนี้ทัศนะของผู้วิจัยมองว่าการห้ามบวชของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศมาจากปัญหาเรื่องความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับเพศและปัญหาการอยู่ร่วมกัน ที่จะนำมาสู่ความเสื่อมเสีย ความอับอายในหมู่คณะสงฆ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มเพศทรานส์เซ็กชวลผ่านกระบวนการแปลงเพศแล้วจะทำให้สภาพร่างกายและจิตใจตรงกัน ดังนั้นปัญหาการอยู่ร่วมกันของหมู่สงฆ์ก็จะไม่เกิดขึ้น และท้ายที่สุดแม้ว่ากลุ่มเพศทรานส์เซ็กชวลจะเป็นอภัพบุคคลคือผู้ที่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ผู้วิจัยอยากให้เปิดช่องทางในการบวชเพื่อให้กลุ่มเพศทรานส์เซ็กชวลได้สะสมบุญต่อยอดในการบรรลุธรรมในอนาคต พร้อมทั้งยังสามารถเป็นกำลังในการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้าและเป็นกำลังในการทำนุบำรุงพุทธศาสนาต่อไปในอนาคต