อนุกรมวิธานแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อทราบแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของกรุงเทพมหานคร (๒) เพื่อทราบอนุกรมวิธานแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของกรุงเทพมหานคร (๓) เพื่อทราบการนำแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของกรุงเทพมหานครไปใช้ในการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ (๑) แบบบันทึกข้อมูล (๒) แบบตรวจสอบ (checklist) และ (๓) แบบสอบถามปลายเปิด (open-ended questionnaire) โดย (๑) วิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ใช้การหาค่าความถี่ (Frequency) และหาค่าร้อยละ (Percentage) (๒) การวิเคราะห์ข้อมูลการนำแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของกรุงเทพมหานครไปใช้ในการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า (๑) แหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของกรุงเทพมหานคร มีจำนวนทั้งหมด ๕๖๖ แหล่ง เมื่อพิจารณาเป็นรายสำนักงานเขต พบว่า สำนักงานเขตที่มีแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษามากที่สุดคือ สำนักงานเขตพระนคร จำนวน ๕๑ แหล่ง รองลงมาคือ สำนักงานเขตธนบุรี จำนวน ๓๗ แหล่ง และน้อยที่สุดคือ สำนักงานเขตลาดพร้าว สำนักงานเขตคันนายาว และสำนักงานเขตทวีวัฒนา จำนวน ๒ แหล่ง (๒) แหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของกรุงเทพมหานคร สามารถจำแนกตามประเภทของแหล่งเรียนรู้ออกเป็น ๓ ประเภท คือ ๑) แหล่งเรียนรู้ประเภทอาคารสถานที่ สิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น ประกอบด้วยศาสนสถาน, พิพิธภัณฑ์, หอสมุด/ห้องสมุด, หอศิลป์, โบราณสถาน, อนุสาวรีย์, ศูนย์เยาวชน/สนามกีฬา, ตลาด, สะพาน และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ มีจำนวน ๔๘๗ แหล่ง ๒) แหล่งเรียนรู้ประเภทธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย สวนสาธารณะ และสวน/ไร่/นา/ธรรมชาติ มีจำนวน ๓๘ แหล่ง และ ๓) แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล/ชุมชน เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น เครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน มีจำนวน ๔๑ แหล่ง (๓) ผู้อำนวยการสถานศึกษามีความคิดเห็นว่าการนำแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของกรุงเทพมหานครไปใช้ในการบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา มีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้ ๑) การวางแผน ดำเนินการโดย สร้างความตระหนักและความเข้าใจร่วมกัน แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารงานวิชาการ กำหนดนโยบายการพัฒนาและการใช้แหล่งเรียนรู้ทางการศึกษา การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา สร้างความเข้าใจแก่บุคลากรและชุมชน ๒) การดำเนินงาน ดำเนินการโดย แต่งตั้งคณะกรรมการรับผิดชอบแหล่งเรียนรู้ กำหนดแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาและการจัดทำข้อมูลสารสนเทศแหล่งเรียนรู้ นำแหล่งเรียนรู้ไปใช้ มีการพัฒนาครู มีการประสานงานอยู่เสมอ ๓) การตรวจสอบ ทบทวน กำกับติดตาม ดำเนินการโดย การนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการใช้แหล่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การแก้ไขปัญหาอุปสรรคในระหว่างการดำเนินการ กำหนดวิธีการ และเครื่องมือในการประเมินผลการดำเนินการ วิเคราะห์ผลการประเมิน และสรุปผลการประเมิน และ ๔) การสรุปและรายงานผล ดำเนินการโดย สรุปและการรายงานการใช้แหล่งเรียนรู้ทางการศึกษา แก้ไข ปรับปรุง หรือพัฒนางาน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางทางการศึกษาขึ้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๓.
กระทรวงศึกษาธิการ. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค, ๒๕๖๐.
__________. รายงานการวิจัยประเมินผลการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิก, ๒๕๕๔.
จินดา โพธิ์อุบล. “แนวทางการดำเนินงานการใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น ของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองชุมแสง อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์”. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต. สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, ๒๕๕๙.
เบญจวรรณ นามะขันธ์. “แนวทางการบริหารแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต ๓”. วิทยานิพนธ์หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, ๒๕๖๓.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓, ราชกิจานุเบกษา เล่ม ๑๑๖, ตอนที่ ๗๔ ก (๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๒) : ๑.
พิชัย เรืองดี. “การศึกษาแนวทางการบริหารแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต ๕”. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, ๒๕๕๘.
รชพรรณ ฆารพันธ์. “รูปแบบการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลนาข่า อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม”. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. สาขาวิชาวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ๒๕๕๘.
สาคร มหาหิงค์. “การบริหารแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๔”. วารสารวิชาการแพรวากาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์. ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓ (กันยายน – ธันวาคม ๒๕๖๐) : ๕๗๔.
สุภานี นวกุล และคณะ. “การเพิ่มมูลค่าทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านระบบการจัดการแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม : กรณีศึกษาเครือข่ายชุมชนเขาราวเทียนทอง จังหวัดชัยนาท”. รายงานวิจัย. คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, ๒๕๖๐.
นิรมล เสรีสกุล, อดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ และพรรณปพร. กรุงเทพฯ สู่มหานครแห่งการเรียนรู้. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://theurbanis.com/insight/๐๙/๐๔/๒๐๒๑/๔๔๓๑ [๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔].