ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารโรงเรียนกับการส่งเสริม สมรรถนะหลักของครูในสหวิทยาเขตเบญจวิโรฒ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2
คำสำคัญ:
ความสัมพันธ์, ภาวะผู้นำแบบอไจล์, สมรรถนะหลักของครูบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารโรงเรียน 2) เพื่อศึกษาระดับการส่งเสริมสมรรถนะหลักของครู และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารโรงเรียนกับการส่งเสริมสมรรถนะหลักของครู กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูจากโรงเรียนในสหวิทยาเขตเบญจวิโรฒ
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 จำนวน 250 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง
จากตารางสำเร็จรูปของ Krejcie and Morgan (1970) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากนั้นสุ่มตัวอย่าง
แบบแบ่งชั้นภูมิตามสัดส่วนประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ค่าความเชื่อมั่นอยู่ที่ 0.918 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน
ผลการวิจัย พบว่า
1) ภาวะผู้นำแบบอไจล์ของผู้บริหารโรงเรียนอยู่ในระดับมาก คุณลักษณะที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่
การมองแบบองค์รวม คุณลักษณะที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ได้แก่ การสร้างแรงบันดาลใจ
2) การส่งเสริมสมรรถนะหลักของครูอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ ด้านจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครู ด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด ได้แก่ ด้านการบริการที่ดี และด้านการพัฒนาตนเอง
3) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำอไจล์ของผู้บริหารโรงเรียนกับการส่งเสริมสมรรถนะหลักของครู
มีความสัมพันธ์ทางบวก อยู่ในระดับสูงมาก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 (r = 0.848, p < 0.01)
เอกสารอ้างอิง
กมลมาลย์ ไชยศิริธัญญา. (2559). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารที่ส่งผลต่อสมรรถหลักของครูในโรงเรียน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2. Veridian E-Journal, Silpakorn University,
(2), 1510 – 1525.
กิตติพิชญ์ มั่งสุข. (2564). คุณลักษณะผู้บริหารมืออาชีพที่ส่งผลต่อสมรรถนะหลักของครูในโรงเรียน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 18 จังหวัดระยอง. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 13(2),
-250.
กองบรรณาธิการ THE 101 WORLD. (2564). โรคใหม่’ สร้าง ‘โลกแห่งการเรียนรู้ใหม่’: อนาคตการศึกษาไทย
ยุคหลัง COVID-19. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา.
www.eef.or.th/future-of-thai-education-after-covid19
ขนิษฐา ปานผา. (2558). สมรรถนะการปฏิบัติงานในหน้าที่ของครูตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา
และครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต].
มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.
ฐิติการย์ ฤทธิชัยนุวัฒน์, สุชาดา นันทะไชย และวรรณวิศา สืบนุสรณ์ คล้ายจำแลง. (2567).
ความสัมพันธ์ภาวะผู้นำแบบอไจล์กับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนขนาดใหญ่
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร. วารสาร มจร สังคมศาสตร์
ปริทรรศน์, 13(2), 179 – 190.
ธนิกานต์ สุขวัฒน์. (2560). ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะหลักของบุคลากรครูที่ปฏิบัติงานในสังกัด.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 [วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต].
มหาวิทยาลัยบูรพา.
นลินี คล้ายสำเนียง, และเบญจวรรณ ศรีมารุต. (2565). ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารตามหลักไตรสิกขากับ
สมรรถนะหลักของครูกลุ่มสหวิทยาเขตปิยมิตร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี.
วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์, 18(3), 17-39.
นิภาพร สุวัฒนวนิช. (2562). แนวทางการใช้อไจล์ (Agile) ในองค์กรให้ประสบความสำเร็จของธนาคารแห่งหนึ่ง
[สารนิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยมหิดล.
บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์.
ภูวนาถ เบ็ญจวรรณ์. (2562). การศึกษาลักษณะของผู้นำที่เหมาะสมกับรูปแบบกการทำงานแบบคล่องตัว (Agile)
[การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยมหิดล.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). คู่มือการประเมินสมรรถนะครู สำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2553. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ.
อรษา ยิ้มจันทร์. (2565). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำแบบอไจล์กับบทบาทของผู้บริหารในการส่งเสริม
กิจกรรมประชาธิปไตยในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 2.
วารสารบัณฑิตสาเกตปริทรรศน์, 7(2), 114-129.
Cronbach, L. (1951). Coefficient alpha and the internal structure of tests. Illinois: University
of Illinois.
Dieffenbacher, S.F. (2023). BANI World: What is it and Why We Need it?.
https://digitalleadership.com/blog/bani-world.
Krejcie, R.V. and Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities.
Journal of Educational and Psychological Measurement. 30: 607–610.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกบทความเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน
วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์ (Kasetsart Educational Review)