การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้บอร์ดเกมเป็นฐาน ตามกรอบแนวคิด TPACK เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครู และทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนระดับประถมศึกษา
คำสำคัญ:
บอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้, กรอบแนวคิด TPACK, สมรรถนะครู, ทักษะการแก้ปัญหาบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้บอร์ดเกมเป็นฐานตามกรอบแนวคิด TPACK สำหรับครูประถมศึกษา 2) ศึกษาประสิทธิผลของการใช้รูปแบบฯ และ 3) ศึกษาความคิดเห็นของครูและนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบฯ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนาแบบผสมวิธี กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูประถมศึกษา 20 คน และนักเรียน 575 คน จากโรงเรียนระดับประถมศึกษา ในจังหวัดขอนแก่น สังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบสอบถาม แบบทดสอบวัดสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ (ค่าความเชื่อมั่น .85) แบบสังเกตการสอน แบบบันทึกหลังสอน และแบบทดสอบทักษะการแก้ปัญหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การเตรียมความพร้อม การจัดการเรียนรู้ การสะท้อนผล และการสนับสนุนต่อเนื่อง โดยผู้เชี่ยวชาญประเมินว่ามีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในระดับดีมาก (= 4.61, S.D. = 0.83) 2) หลังการทดลองใช้รูปแบบฯ ครูมีสมรรถนะการจัดการเรียนรู้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 37.43 เป็น 63.50 คะแนน และนักเรียนมีทักษะการแก้ปัญหาร้อยละ 80.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ที่กำหนด (ร้อยละ 70) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ครูมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบฯ ในระดับดีมาก (
= 4.73, S.D. = 0.68) และมีความเห็นว่ารูปแบบช่วยให้สามารถออกแบบกิจกรรมได้อย่างเป็นระบบ กระตุ้นการมีส่วนร่วมของนักเรียน และส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน ส่วนนักเรียนมีความพึงพอใจในระดับดีมาก (
= 4.63, S.D. = 0.61) และแสดงความคิดเห็นว่า การเรียนผ่านบอร์ดเกมทำให้รู้สึกสนุกและกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น (ร้อยละ 85.60) เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น (ร้อยละ 82.40) ชอบการทำงานร่วมกับเพื่อน (ร้อยละ 80.20) ได้ฝึกคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา (ร้อยละ 78.50) สามารถนำวิธีการแก้ปัญหาไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวัน (ร้อยละ 75.80) และมีความมั่นใจในการแก้ปัญหามากขึ้น (ร้อยละ 73.20) ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นสามารถพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของครู และยกระดับทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสร้างบรรยากาศการเรียนรู้เชิงบวกที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้แบบร่วมมือ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2565). นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2565-2570. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ.
ชนกนันท์ ช่วยประครอง, สุวัฒสัน รักขันโท และ สมชัย ศรีนอก. (2565). การพัฒนาทักษะในการแกปญหาโดยการใช้เกมเป็นฐาน เรื่อง นโยบายการเงินและการคลังของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนดงตาลวิทยา. วารสารการบริหารจัดการและนวัตกรรมท้องถิ่น, 4(6), 155-167.
ลิลลา อดุลยศาสน์. (2561). ผลของการพัฒนาความรู้ในการบูรณาการเทคโนโลยีกับวิธีสอนและเนื้อหาที่สอน (TPACK) ของนักศึกษาครูสาขาวิชาคณิตศาสตร์ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คณิตศาสตร์ของนักเรียน. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา, 13(1), 115-128.
วิมลลักษณ์ จันทนพิมพ์. (2566). การศึกษาผลของการใช้นวัตกรรมบอร์ดเกมเพื่อเสริมสร้างความรู้ และทักษะ การคิดวิเคราะห์เรื่องการใช้เครื่องหมายวรรคตอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารวิชาการและวิจัยมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 13(4), 81-90.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2566, 6 ธันวาคม). ผลการประเมิน PISA 2022. https://pisathailand.ipst.ac.th/news-21/
เอกราช ถ้ำกลาง, วีรวิชญ์ คำอ่อน , ธนะภัศล์ เฮ้าส์ทาคุณาพาณิชย์ , ภณอนงค์ จันทร์เทศ และ วัชราภรณ์ ถ้ำกลาง. (2567). การจัดการเรียนรู้ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้บนเครือข่ายตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ (Edulearn) ร่วมกับ E-Board Game เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบหายใจ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายประถมศึกษา (มอดินแดง). วารสารวิชาการและวิจัยมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 14(2), 1-11.
Creswell, J. W., & Clark, V. P. (2007). Designing and conducting: Mixed method research. Sage Publications.
Eriksen, A. L. (2023). Enhancing mathematical reasoning in primary school with the strategic board game Othello. European Conference on Games Based Learning, 17(1), Article 1524. https://doi.org/10.34190/ecgbl.17.1.1524
Hsu, H., Liang, J., & Su, Y. (2015). The role of the TPACK in game-based teaching: Does instructional sequence matter? Asia-Pacific Education Researcher, 24(3), 535-543. https://doi.org/10.1007/s40299-014-0221-2
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610. https://doi.org/10.1177/001316447003000308
Li, M., Vale, C., Tan, H., & Blannin, J. (2024). A systematic review of TPACK research in primary mathematics education. Mathematics Education Research Journal, 36, 3192–3215. https://doi.org/10.1007/s13394-024-00491-3
Mishra, P., & Koehler, M. J. (2006). Technological pedagogical content knowledge: A framework for teacher knowledge. Teachers College Record, 108(6), 1017-1054. https://doi.org/10.1111/j.1467-9620.2006.00684.x
OECD. (2018). The future of education and skills: Education 2030. OECD Publishing. https://doi.org/10.1787/9789264313835-en
Raskurazhev, A. A., Kuznetsova, P. I., & Tanashyan, M. M. (2020). Non-pharmacological prevention and correction of cognitive disorders. Annals of Clinical and Experimental Neurology, 14(3), Article 8. https://doi.org/10.25692/ACEN.2020.3.8
Sawsan, Jaber., Abdulazeez, Alhashmi. (2023). The Effect of A Training Program Based on Action Oriented Learning Approach in Developing Change Agency Skills of the Vocational Training Corporation Trainers in Jordan. Jordanian Educational Journal, doi: 10.46515/jaes.v8i2.403
SEAMEO STEM-ED. (2564, 13 มีนาคม). การระดมเครือข่ายนักวิจัยอาเซียนเพื่อหาแนวทางพัฒนาสะเต็มศึกษา ยกระดับคุณภาพการศึกษา และแก้ปัญหาเยาวชนที่มีคุณภาพต่ำกว่าเกณฑ์โลก. Thai PBS. https://www.thaipbs.or.th/news/content/302390
World Economic Forum. (2023, 30 April). The future of jobs report 2023. World Economic Forum. https://www.weforum.org/reports/the-future-of-jobs-report-2023
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
